ทักษิณ “กินแห้ว” ศาลฯ ไม่อนุญาตให้เดินทางไปอินโดนีเซียร่วมประชุมอาเซียน 7 มีนาคม 2568 ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยได้ไฟเขียวให้บินไป มาเลเซียและบรูไน ด้วยเหตุผลที่ว่ามี “คำเชิญจากประธานอาเซียน” แต่คราวนี้ แม้จะมีจดหมายเชิญจาก ประธานาธิบดีอินโดฯ ศาลฯ กลับไม่ใจอ่อน ชี้ว่า “ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะให้ออกนอกราชอาณาจักร” จะบอกว่าแปลกก็คงไม่ใช่ จะบอกว่า “เกมเปลี่ยน” ก็อาจเป็นไปได้!
เพราะสิ่งที่เปลี่ยนไปในเวลานี้คือ คดีมาตรา 112 ที่ยังแขวนอยู่บนคอ ของ “ทักษิณ” ที่กลับบ้านด้วยดีลลับลวงพราง และตอนนี้ถูกจับตามองหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จากพฤติกรรม “สทร.” ของเขา และความอหังการ์ในการใช้อำนาจ ที่เริ่มใช้ DSI มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง จนเริ่มเกิดคำถาม “กำลังจะสร้างรัฐตำรวจอีกแล้วหรือ?”
ไม่ได้บินนอก มีนัยยะอะไรที่ต้องถอดรหัส!
ปกติแล้ว เรามักเห็น “คนใหญ่คนโต” ได้รับสิทธิพิเศษเหนือกฎหมายไทย บินไปต่างประเทศง่ายเหมือนไปตลาดนัด แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น นี่อาจเป็นสัญญาณว่า “อภิสิทธิ์ชน” ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับอภิสิทธิ์เสมอไป โดยเฉพาะเมื่อคดี 112 กระทบกับสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรง
ถ้าจะถามว่าทำไมคราวก่อนบินออกได้ แต่คราวนี้ติดขัด? อาจเป็นเพราะตอนนั้นการเมืองยังสมูท มีแรงหนุนจาก “พี่น้องอาเซียน” อย่าง อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ทำให้พอถูไถให้บินลัดฟ้าได้ แต่ตอนนี้ แม้จะเป็นคำเชิญจากประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ก็ไม่สามารถ “ซอฟต์แลนดิ้ง” ออกจากประเทศได้ง่าย ๆ หรือเพราะการตัดสินคดีกำลังกระชั้นเข้ามาแล้ว? หรือเป็นสัญญาณว่า “ลมเปลี่ยนทิศ?“
“สะท้อนภาพใหญ่ – ทักษิณกำลังสูญเสียการควบคุม?”
ตั้งแต่กลับไทย แทบไม่เหลือเวลา ”เลี้ยงหลาน“ ที่เคยใช้เป็นเหตุผลให้คนเห็นใจในการกลับประเทศ เพราะมัวทุ่มเวลาไปกับการควบคุมทิศทางการบริหารประเทศ สร้างดีลลับการเมือง ใช้บ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นศูนย์กลางอำนาจ จนทำให้ ”ลูกสาว“ กลายเป็น ”นายกฯ หุ่นเชิด“ อยู่ใต้เงาพ่อที่กำลัง ”ติดกับดัก“ ตัวเอง
ความอหังการ์ที่คิดว่าทุกอย่างอยู่ใต้ฝ่าเท้า กุมเบ็ดเสร็จได้ทุกองคาพยพ แต่ในความเป็นจริงตรงกันข้าม คดี 112 ยังคาราคาซัง, การบริหารของรัฐบาลลูกสาวไม่ได้เป็นไปตามคาด, นโยบายกาสิโน-พนันออนไลน์ ทำให้ประชาชนเริ่มไม่ทน ,เศรษฐกิจพัง หุ้นร่วงหนักกว่าสมัยพล.อ.ประยุทธ์,กุมสภาพการเมืองไม่ได้ เพราะพรรคภูมิใจไทยเป็นเสี้ยนหนามที่บ่งไม่ได้ อยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างจาก “ผีเน่ากับโลงผุ”
ไหนจะยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ ที่อาจทำให้ต้องจ่าย 3.5 หมื่นล้าน อีก? เห็นแบบนี้ต้องตั้งคำถามว่า ยุคทองของทักษิณ อาจกำลังหมดลงใช่หรือไม่?
คดี 112: ตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้บินไปไหนก็ไม่ได้!
ศาลฯ ไม่อนุญาตให้ออกนอกประเทศรอบนี้ ทำให้ต้องโฟกัสคดี 112 ที่กำลังพิจารณาอยู่ว่า ใกล้ถึงจุดตัดสินหรือยัง เพราะถ้าปล่อยไปต่างประเทศ อาจเข้าอีหรอบเดิม ที่ไปแล้วไปลับ กว่าจะกลับมาคดีที่ดินรัชดาหมดอายุความไปแล้ว
คดีนี้ ไม่ได้มีโอกาส “เคลียร์ง่าย ๆ” เหมือนคดีอื่น ๆ เพราะมันเป็นเรื่องที่แตะต้องเสาหลักของชาติ ไม่ใช่เรื่องที่ต่อรองกันได้บนโต๊ะดีลการเมือง หรือการล็อบบี้หลังฉากกันได้ที่ ”บ้านจันทร์ส่องหล้า“
ทักษิณเคยหวังว่าการกลับไทยจะทำให้เขาสามารถ “รีเซ็ตตัวเอง” ได้ แต่ตอนนี้อาจกลายเป็นว่า “ติดบ่วงกฎหมาย-ติดบ่วงอำนาจ” ที่ทำให้ทุกย่างก้าวต่อไปดูจะลำบากมากขึ้น อะไร ๆ ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด ออกนอกประเทศติดขัด คดี 112 เป็นบ่วงรัดคอ การเมืองในประเทศเริ่มไม่มั่นคง คำถามคือ ถ้าคดี 112 เดินหน้าต่อไปจริง ๆ สถานการณ์ของทักษิณจะเป็นอย่างไร? จะต้อง “เก็บกระเป๋าหนีออกนอกประเทศอีกรอบ” หรือไม่? หรืออาจมีคนตั้งคำถามแบบมองข้ามช็อตถึงขั้น ”จะหนีคนเดียวหรือต้องหอบหิ้วลูกสาวนายกฯ ไปด้วย?“
“ยุคทองจบแล้ว?” หรือแค่การสะดุดชั่วคราว?
การที่ศาลฯ ไม่อนุญาตให้ออกนอกประเทศครั้งนี้ อาจเป็นแค่การสะดุดเล็ก ๆ หรืออาจเป็นสัญญาณที่บอกว่า “เกมเปลี่ยนแล้ว”
ถ้าคดี 112 ยังเดินหน้า และสถานการณ์เศรษฐกิจ-การเมืองยังย่ำแย่แบบนี้ โอกาสที่ “ทักษิณจะพลิกจากคนขี้คุกที่ไม่เคยติดคุกจริงไปเป็นรัฐบุรุษ” ตามความพยายามโฆษณาชวนเชื่ออาจเหลือ 0% และโอกาสที่ “ทักษิณจะต้องเผชิญกับคดีหนัก” อาจเพิ่มเป็น 100%
หรือว่าเกมเริ่มเปลี่ยน เพราะจุดจบของเกมใกล้มาถึงแล้ว? เพราะคำตอบของเรื่องนี้…อยู่ที่ห้องพิจารณาคดี…ไม่ใช่บ้านจันทร์ส่องหล้า
คำตัดสินชี้วัดที่กฎหมาย พยานหลักฐาน…ไม่ใช่สายสัมพันธ์ทางการเมือง!