”รัฐบาลประเมินสถานการณ์ต่ำไป ผลกระทบจะเกิดอย่างรวดเร็ว แต่รัฐบาลยังไร้แผนรับมือและเยียวยา เงินดิจิทัลต้องยกเลิกนำงบกว่า 1.5 แสนล้านบาทมาพยุงเศรษฐกิจ วิกฤตมาถึงหน้าบ้านแล้วแต่รัฐบาลยังช้าอยู่“-ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน
“ผลกระทบจะมาเร็วมาก แต่รัฐบาลยังไม่มีแผน”
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน เตือนเสียงเข้มผ่านรายการ เที่ยงเปรี้ยงปร้าง ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ในขณะที่ไทยยังไม่ได้เริ่มเจรจาอย่างจริงจังกับสหรัฐฯ ท่ามกลางสงครามภาษีที่ทรัมป์จุดไฟ เธอย้ำชัดว่า รัฐบาลประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป
และ “งบที่ควรใช้เยียวยาเศรษฐกิจตอนนี้ กลับเอาไปผูกไว้กับวอลเล็ตดิจิทัล ที่ไม่ตอบโจทย์ยามวิกฤต เงินดิจิทัลยังเหลืออีกประมาณ 1.5 แสนล้าน ต้องพับแล้วเอามาใช้ในวิกฤตครั้งนี้” เธอเสนอให้ปรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย 2569 ใหม่ ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อเอางบมารองรับการเยียวยาเศรษฐกิจที่กำลังจะโดนซัดแบบระลอกใหญ่
คำสั่งซื้อถูกระงับ – แรงงานเริ่มโดนลดโอที
แม้รัฐบาลจะเริ่มแถลง 5 มาตรการรับมือศึกภาษี
แต่ในสายตาศิริกัญญา มันยังไม่พอ และช้าเกินไป
“คำสั่งซื้อจากต่างประเทศถูกระงับชั่วคราวหมดแล้ว เพราะความไม่แน่นอนเรื่องภาษี ลูกโซ่ที่กระทบจะไปถึงแรงงาน ค่าจ้างจะลด โอทีจะหายและสุดท้ายคือ ‘เลิกจ้าง’”
เธอย้ำว่า ผลกระทบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขการส่งออก
แต่มันจะกระแทกเข้าโครงสร้างเศรษฐกิจ – สะเทือนไปถึง SMEs และซัพพลายเชนทั้งหมด
อย่ารอให้ GDP โตแค่ 1%
รัฐบาลยังเชื่อว่า GDP ปีนี้จะไม่กระทบ
แต่ศิริกัญญาชี้ว่า ถ้ายังไม่ขยับ เราอาจไม่แตะ 2% ด้วยซ้ำ
“ถ้าไม่รีบเจรจา ไม่รีบกระตุ้นเศรษฐกิจ เราอาจได้เห็น GDP โตแค่ 1% จริง ๆ ต้องถามว่าใครบรีฟนายกฯ ทำให้ออกมาพูดว่า GDP จะไม่ได้รับผลกระทบ…รัฐบาลต้องทำพร้อมกัน ทั้งเจรจาและออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจทันที”
และถึงเวลานั้น – จะต้องใช้เงินจำนวนมาก
ซึ่งอาจกระทบเพดานหนี้สาธารณะให้ทะลุเกิน 70% ได้
จึงต้องพิจารณาทุกงบอย่างเข้มข้น ไม่ใช่ผูกเงินไว้กับโครงการที่ไม่ตอบโจทย์ เพราะเงินที่ต้องใช้เป็นแพ็กเกจในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจะมีจำนวนหลายแสนล้านบาท
“วอลเล็ตต้องพับ เก็บกระสุนไว้ใช้เมื่อเศรษฐกิจต้องการจริง ๆ ตอนนี้วิกฤตมารอหน้าบ้านแล้ว”
พลาดเวทีอาเซียน = เสียโอกาสทั้งภูมิภาค
สิ่งที่ทำให้เธอผิดหวังไม่แพ้กัน
คือนายกฯ ไทยไม่ร่วมวงเจรจากับผู้นำอาเซียนอีก 4 ประเทศ
ทั้งที่เป็นโอกาสทองในการแสดงพลังต่อรองกับสหรัฐฯ
“การรวมกลุ่มเจรจาจะทำให้มูลค่าการค้าจะใหญ่ขึ้น และอำนาจต่อรองจะเพิ่มขึ้น วันที่ 10 เมษายน ยังมีการประชุมนัดพิเศษ – เราต้องไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ”
แนะใช้วิกฤตเป็นโอกาสเพิ่มศักยภาพธุรกิจไทย
ศิริกัญญา เสนอว่ารัฐบาลต้องมีแนวทางทั้งการเจรจาและพยุงเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน กระตุ้น ฟื้นฟู ตามหาความสามารถในการแข่งขัน ตลาดใหม่ ๆ รวมถึงพัฒนาผู้ประกอบการภายในประเทศให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ณ วันนี้เป็นโอกาสที่ดีในการมีโครงการขนาดใหญ่ช่วยผู้ประกอบการทั้งเอสเอ็มอี และรายใหญ่ ใช้เทคโนโลยีเข้มข้นมากขึ้น ใช้ดิจิทัลทรานฟอเมชันเข้ามา ใช้เครื่องจักรที่จะช่วยประหยัดพลังงานเป็นโอกาสที่ดีใช้การกระตุ้นการลงทุนเอกชนมาเสริมในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
”อยากเห็นรัฐบาลทำงานอย่างฉับไวกว่านี้ เราไม่ติดถ้าจะบอกว่าวันนี้ยังไม่รีบเจรจาแต่อยากเห็นการสื่อสารในช่วงวิกฤตที่ทำให้ประชาชนรับรู้ความเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาอย่างที่นายกฯสิงคโปร์ได้ทำ ขนาดโดนแค่ 10% เขาแจ้งเตือนประชชนให้เตรียมรับแรงกระแทกหลังจากนี้ แต่เราดูจะรู้สึกตัวช้า และที่คนไม่ค่อยรู้คือมีสินค้าได้รับการยกเว้น จึงต้องคุยให้เกิดความมั่นใจ ก่อนเกิดการย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นที่โดนภาษีน้อยกว่าเรา สำหรับคนที่มีแผนตั้งโรงงานใหม่“
…เพราะวิกฤตเศรษฐกิจ ไม่ได้รอให้เราพร้อม
แต่มันกำลังมาเคาะประตูหน้าบ้านทุกคน…ไม่ว่าจะพร้อมหรือไม่ก็ตาม
ว่าแต่เรามีรัฐบาลที่พร้อมหรือเปล่า?