วันที่ 12 มีนาคม 2568 – กรณีภาพ ส.ส. เดินสูบบุหรี่ไฟฟ้าภายในรัฐสภา ถูกแชร์ว่อนโลกออนไลน์ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อเยาวชนไทย และเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎหมายไทย แต่กลับมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในสถานที่ราชการ
ล่าสุด นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ หรือ “ต้นกล้า” ส.ส. พรรคประชาชน ได้ออกมาโพสต์ข้อความขอโทษผ่านโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่า
จากกระแสข่าวที่เผยแพร่ออกมา ผมทราบดีว่าทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความกังวลและมีข้อสงสัย ผมจึงอยากขอโทษจากใจจริงที่ทำให้พี่น้องประชาชนไม่สบายใจ ผมเข้าใจถึงความคาดหวังที่พี่น้องประชาชนมีต่อตัวผมในฐานะผู้แทน ผมเองก็ซาบซึ้งกับทุกความคิดเห็นที่ส่งมา
ผมให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของตัวเองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกัน ผมพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบจากทางรัฐสภา เพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ดีของการเป็นผู้แทนราษฎร
สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทุกเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชน และขอยืนยันว่าผมยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
กระแสสังคมสองขั้ว – วิจารณ์เดือดในโซเชียล
โพสต์ของ ส.ส. ต้นกล้า ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างหนักในโซเชียลมีเดีย ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขา เรียกร้องให้มีการดำเนินการทางกฎหมายกับ ส.ส. พรรคประชาชนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมย้ำว่าผู้แทนราษฎรควรเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ใช่ทำผิดเสียเอง
ขณะที่กลุ่มแฟนคลับของ ส.ส. ต้นกล้า ออกมาให้กำลังใจ พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลที่อาจมีพฤติกรรมเดียวกัน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและเท่าเทียมกันในการบังคับใช้กฎหมาย
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวยังคงเป็นที่จับตาของสังคม ว่าทางรัฐสภาจะมีมาตรการดำเนินการต่อกรณีนี้อย่างไร และจะมีผลกระทบต่อเส้นทางการเมืองของ ส.ส. ต้นกล้า ในอนาคตหรือไม่
ก่อนหน้านี้ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยว่า เรื่องของ “ต้นกล้า” จะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมสภาฯ และเปิดโปงต่อว่า ไม่ได้มีเพียงแค่สส.พรรคประชาชนที่มีพฤติกรรมดังกล่าว แต่ยังมีสมาชิกพรรคการเมืองอื่นด้วย โดยในวันที่ 13 มีนาคม 2568 จะมีรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ จะได้พิจารณาแนวทางการควบคุมหรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป