อย่าให้เสียชาติเกิด เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทยแล้วต้องช่วยกันปกป้องรักษาไว้ให้ลูกหลาน ยุทธศาสตร์ต้องเพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อบุคคลใด บุคคลหนึ่ง”
— พล.ท. กนก เนตระคะเวสนะ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร
⸻
“ยุทธศาสตร์ต้องเพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อใครคนหนึ่ง” พล.ท. กนก สวนคำพูดนายกฯ ห่วงไทยเสียเปรียบ JBC เพลี้ยงพล้ำกัมพูชา
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี กลับมาตึงเครียดอีกครั้งหลังเหตุปะทะปลายเดือนพฤษภาคม ขณะเดียวกัน ฝ่ายการเมืองกลับส่งสัญญาณ “อ่อนข้อ” ด้วยการเสนอให้ “ขยับเวลาเปิด-ปิดด่าน” เพื่ออำนวยความสะดวกด้านเศรษฐกิจ
ข้อเสนอนั้นมาจาก “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีหญิงของไทย ซึ่งพูดต่อหน้าสาธารณะว่าไทยควรหารือกับกัมพูชาเพื่อให้การค้าชายแดนลื่นไหลขึ้น — แต่กลายเป็นชนวนคำถามว่า ในขณะที่ไทยกำลังถูกคุกคามอธิปไตย นายกฯ ควรจะ “ผ่อนปรน” เช่นนั้นหรือไม่?
พล.ท. กนก เนตระคะเวสนะ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และอดีต ผบ.กองกำลังสุรนารี ให้สัมภาษณ์ตรงไปตรงมาในรายการ เที่ยงเปรี้ยงปร้าง ว่า
“คำพูดของนายกฯ เกิดจากไม่ศึกษาและไม่มีความรู้ นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด… น่ากลัวสำหรับคนเป็นผู้นำประเทศ”
———-
เตือนหยุดล้วงลูกกองทัพ
พล.ท. กนก ชี้ว่า ฝ่ายการเมืองได้มอบอำนาจการปิดด่านให้กองทัพพิจารณาแล้ว เหตุใดจึงยังย้อนแย้งด้วยการ “ล้วงลูก” ขัดนโยบายกดดันที่ส่งผลเสียทำลายน้ำหนักไทยในการเจรจา JBC
“การที่นายกฯ พูดแบบนี้ ทำให้กองทัพต้องไปติดต่อกัมพูชา เขาก็จะเห็นว่าไทยกำลังผ่อนปรน คนที่ไปประชุม JBC จะเหนื่อยมากขึ้น โอกาสที่ไทยจะได้ตามเป้าหมายก็ลดลงด้วย”
โดยเฉพาะเมื่อการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) ระหว่างไทย-กัมพูชา จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย. ซึ่งกัมพูชาประกาศชัดจะผลักดันพื้นที่ 4 แห่งของไทย ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควายและช่องบกเข้าสู่ศาลโลกอีกครั้ง
อย่าทิ้ง “อาวุธทางยุทธศาสตร์”
พล.ท. กนก หนุนให้ไทยใช้มาตรการกดดันที่ได้ผล เช่น การตัดไฟฟ้า–อินเทอร์เน็ต และระงับการส่งน้ำมันข้ามแดน
“หลังปิดด่าน คดีคอลเซ็นเตอร์ลดลง 20% ความเสียหายลด 200 ล้าน นี่คือผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ถ้ากดดันให้หนัก ประชาชนกัมพูชาจะด่ารัฐบาลตัวเอง”
เขาตั้งข้อสังเกตว่า ฝ่ายการเมืองกลับตัดแข้ง ตัดขา บั่นทอนการปฏิบัติของกองทัพ เช่น การชะลอคำสั่งตัดสัญญาณและไฟฟ้า โดยอ้างว่าต้องรอประชุม สมช. แต่สุดท้ายก็ไม่มีการเรียกประชุมแต่อย่างใด
“กลายเป็นว่าทิ้งเครื่องมือนี้ไป ซึ่งอาจเป็นเพราะมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องมาก จึงมีอุปสรรคมาก”
——-
เตือน JBC ฝ่ายไทยยัง “อ่อนสนาม”
พล.ท. กนก ตั้งคำถามถึงความพร้อมของตัวแทนไทยในการประชุม JBC โดยเฉพาะกรณี นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย
“ผมถามว่า…ดูแผนที่ออกไหม? เขาใช้แผนที่ 1:5 หมื่นปฏิบัติงานจริงเหมือนเรา แต่อ้างแผนที่ 1:2 แสนเพื่อเอาดินแดน”
ขณะที่ฝั่งกัมพูชานั้น พล.ท. กนก วิเคราะห์ว่าแม้จะดูเหมือนถอยในบางจุด (เช่นช่องบก) แต่แนวชายแดนส่วนใหญ่ยังคง “สร้างที่มั่นแบบแข็งแรง” และยังไม่อาจวางใจได้
“ต้องระวังการจุดไฟสงครามโดยมีชาวบ้านเป็นเป้าหมาย เพื่อขยายผลไปสู่ศาลโลก เหมือนที่เขาทำสำเร็จในคดีปราสาทเขาพระวิหาร”
——-
ฝากถึงนายกฯ : อย่าให้เสียชาติเกิด
พล.ท. กนก ปิดท้ายด้วยคำเตือนตรงไปตรงมา:
“ถ้าผมอยู่ตรงนั้นจะบอกนายกฯ ว่า ทำไม่ได้ ถ้าผ่อนจุดนี้ เดี๋ยวก็ต้องผ่อนจุดอื่น ชีวิตลูกน้องผมที่อยู่ชายแดนลำบากลำบนมีค่ามากกว่า”
และฝากไว้ชัด ๆ
“อย่าให้เสียชาติเกิด เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทยแล้วต้องช่วยกันปกป้องรักษาไว้ให้ลูกหลาน… ยุทธศาสตร์ต้องเพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อบุคคลใด บุคคลหนึ่ง”