ภาพพยาบาลถูกญาติผู้ป่วยตบหน้าต่อหน้าผู้คนกลางโรงพยาบาลระยองเรียกอารมณ์เดือดจากสังคมได้อย่างรวดเร็ว จนคลิปกลายเป็นไวรัล ทุกกระแสพุ่งเป้าไปที่คนก่อเหตุ เห็นใจพยาบาลที่ถูกทำร้ายร่างกายระหว่างปฏิบัติหน้าที่
เพราะคลิปไร้เสียง เห็นแต่ภาพการทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่เมื่อเสียงเริ่มถูกสะท้อนออกมาว่า จุดเริ่มต้นมาจากการที่พยาบาลคนดังกล่าวใช้คำพูดที่รุนแรงในลักษณะกึ่งตะคอกใส่ ญาติผู้ป่วยที่พาเด็กเข้าห้องไอซียูเพื่อเยี่ยมผู้ป่วยติดเชื้อลงปอดก “ถ้าไม่พร้อมสูญเสียทั้งคู่ ก็เอาเด็กออกไป” นี่คือคำพูดที่ถูกถ่ายทอดจากปากของพยาบาลที่ถูกทำร้าย แต่คำพูดเดียวกันจากการบอกเล่าของผู้ก่อเหตุกลับแตกต่างออกไปแม้ความหมายจะคล้ายกันก็ตาม เขาเล่าว่าอาการหัวร้อนจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ถึงขั้นออกหมัดมาจากการที่พยาบาลพูดใส่หน้าภรรยาเขาว่า “เดี๋ยวก็ตายกันทั้งแม่ทั้งลูก”
จากความรุนแรงในคำพูด พัฒนากลายเป็นความรุนแรงด้วยการทำร้ายร่างกาย พยาบาลผิดหรือไม่? ญาติคนไข้ผิดหรือเปล่า? ในมุมของพยาบาล พวกเขาต้องเผชิญกับภาระงานที่หนักหน่วง วันหนึ่งเจอผู้ป่วยนับสิบ ต้องให้ข้อมูล ต้องควบคุมสถานการณ์ และต้องแบกรับอารมณ์ของญาติที่วิตกกังวล การพูดตรงและเด็ดขาดอาจเป็นสิ่งที่คนในวิชาชีพนี้คุ้นเคย แต่การใช้คำพูดที่แรงเกินไป อาจทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนถูกทำร้ายทางอารมณ์
ในมุมของญาติคนไข้ พวกเขาอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ความเครียด ความกังวล และความกลัวว่าคนที่รักจะจากไป ทำให้ทุกคำพูดที่ได้ยินมีน้ำหนักมากกว่าปกติ คำเตือนที่ฟังดูเย็นชาอาจกลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย บาดลึกไปถึงจิตใจที่กำลังเปราะบางจากความกังวลว่าจะสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด มีแต่ระบบที่ทำให้เราต้องปะทะกันเอง
คำถามที่เราควรถามกันทุกคนคือ นอกจากการไม่ยอมรับความรุนแรงจากการทำร้ายร่างกาย และต้องดำเนินคดีกันไปตามกฎหมายแล้ว พยาบาลควรเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้? จะมีการปรับวิธีการสื่อสารหรือไม่? หรือว่ายังเป็นวัฒนธรรมเดิมที่คนไข้ต้องทำความเข้าใจเองว่าพวกเขาเหนื่อย ต้องอดทนกับคำพูดที่อาจฟังดูรุนแรง?
พยาบาลต้องทำงานภายใต้ความกดดันสูง แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่อนุญาตให้เข้าข้างตัวเองว่า สื่อสารโดยไม่คำนึงถึงจิตใจของผู้ป่วยและญาติกลายเป็นเรื่องปกติ การแจ้งข้อมูลสำคัญสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้น้ำเสียงข่มขู่หรือประชดประชัน
แล้วประชาชนเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้?
ความรุนแรงไม่ใช่คำตอบ ไม่ว่าคุณจะโกรธแค่ไหน การใช้กำลังไม่เคยแก้ปัญหาให้ดีขึ้น เราอาจไม่พอใจพยาบาลได้ สามารถเรียกร้องให้มีการปรับปรุงบริการได้ แต่การลงมือทำร้ายคนที่อยู่ตรงหน้าจะทำให้เรื่องราวแย่ลงไปอีก
ระบบสาธารณสุขไทยดีพอหรือยัง?
นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาระหว่างคนไข้กับพยาบาล แต่เป็นปัญหาระบบที่บีบให้ทั้งสองฝ่ายต้องมาเผชิญหน้ากันในสถานการณ์ที่ไม่มีใครได้เปรียบ
• บุคลากรทางการแพทย์ถูกกดดันให้ทำงานหนักเกินไป จนบางครั้งลืมไปว่าคำพูดของตัวเองส่งผลต่อจิตใจคนฟังแค่ไหน
• ผู้ป่วยและญาติเข้าถึงข้อมูลที่ดีพอหรือไม่? พวกเขาเข้าใจมาตรการทางการแพทย์อย่างถ่องแท้ หรือแค่รับรู้ผ่านการบอกกล่าวที่รีบเร่งของพยาบาลที่ต้องดูแลคนไข้หลายสิบคนในเวลาเดียวกัน?
• เรามีระบบป้องกันความรุนแรงในโรงพยาบาลที่ดีพอแล้วหรือยัง? หรือจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก?
บทเรียนจากหมัดและคำพูดที่แทงใจ
เหตุการณ์นี้ไม่ได้สอนแค่เรื่องความอดทนระหว่างพยาบาลกับญาติผู้ป่วย แต่มันสะท้อนปัญหาที่ลึกกว่านั้น เราต้องสร้างวัฒนธรรมการสื่อสารที่ดีกว่าเดิม ในโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยคนเจ็บป่วยและคนที่กำลังสูญเสีย เราต้องเลือกใช้คำพูดที่เยียวยามากกว่าทำร้ายกัน และทำให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน