เป็นอีกวันที่สถานการณ์การเมือง คล้ายกับสภาพอากาศทั่วไทยที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดู จากนี้ไปอุณหภูมิจะร้อนขึ้นตามลำดับเช่นเดียวกับการเมืองไทย โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มีบิ๊กอ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมนั่งหัวโต๊ะรอเคาะจะรับคดีสอบสวนการเลือก สว.ที่ผ่านมาเป็นคดีพิเศษหรือไม่ จากข้อร้องเรียนที่ว่ามีการฮั้ว-บล็อกโหวตเลือก สว.โดยมี 138 สว.จาก 200 คนเป็นเป้าหมายถูกตรวจสอบ ซึ่งถูกเรียกว่า สว.สายสีน้ำเงิน ที่อาจถูกตั้งข้อหาความผิดอาญาเข้าข่ายอั้งยี่ และฟอกเงินยกเข่ง
เรื่องนี้ถูกจับตามองจากทั้งสังคมว่าหวยจะออกยังไง ที่ประชุม กคพ. จะกล้าฟันธงตั้งเรื่องรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ หรือปัดตกเพราะถือเป็นอำนาจของ กกต.ดำเนินการ หรือจะเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน เพราะบอร์ด กคพ.ก็ไม่ใช่ใครจะคุมได้ทั้งหมด เพราะไม่ใช่มีแต่ฝ่ายการเมืองเท่านั้น ยังมีหัวหน้าส่วนราชการ และส่วนอื่นๆ ที่อาจมองเห็นอีกมุม และเกรงใจเหล่า สว.สายสีน้ำเงิน
การประชุมวันนี้จึงมีความหมาย กล่าวคือในแง่กฎหมายต้องถกกันหนักว่า DSI มีอำนาจหรือไม่ และเป็นการก้าวก่ายอำนาจนิติบัญญัติตามที่ สว.ออกมาตอบโต้หรือไม่ ทำไมไม่ปล่อยเป็นหน้าที่ของ กกต.จัดการ (หลังจากรอแล้วรอเล่า)
ในแง่การเมืองหาก DSI รับเรื่องไว้สอบสวน และส่งให้ กกต.ดำเนินการอีกทางหนึ่ง นี่เท่ากับกวาดล้าง สว.ค่ายสีน้ำเงิน และส่งผลต่อแนวทางการเมืองที่ค่ายพรรคสีน้ำเงินวางไว้เพื่อเป็นหลักประกันทางอำนาจแบบยาวๆ และเปิดทางให้ค่ายสีแดงผงาดขึ้นมาโดยไม่มีใครขวางในสภาล่าง สภาสูงได้อีก
นี่คือปมใหญ่ที่เพื่อไทย ค่ายพรรคสีแดง กับภูมิใจไทย ค่ายสีน้ำเงินเปิดศึกกันอีกครั้ง หลังขบเหลี่ยมเชิงการเมืองกันมาตลอด จากนโยบายเล็ก ยกระดับเป็นเรื่องใหญ่ ตามไล่ล่าเอาคืนจากเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ ถึงสนามกอล์ฟเขาใหญ่ รวมถึงทิศทางการเมืองของทั้งสองที่มีการเลือกตั้งใหญ่เป็นเดิมพัน ทำให้เดิมที่ความสัมพันธ์มีความซับซ้อนกันอยู่แล้ว ยิ่งร้าวหนักขึ้นไปอีก
มีความพยายามประสานรอยร้าวในระดับผู้มีบารมีของทั้งสองค่ายพรรค ตามที่มีรายงานข่าวว่าพี่ใหญ่ค่ายสีน้ำเงินดีลพ่อใหญ่ค่ายสีแดงเพื่อหารือกัน แต่ปรากฎมีรายงานว่าดีลลับนี้ล่ม เมื่อมือดีตีข่าวกันอย่างอึกทึก จนพ่อใหญ่ต้องถอยฉากออกไป จนปานนี้ไม่รู้ว่าดีลนี้จะถูกสานต่อหรือไม่
ดังนั้นผลจากการประชุม กคพ.จึงมีความหมายและสะท้อนทิศทางการเมือง หากตีตก หรือเลื่อนการประชุมออกไป อาจหมายถึงดีลลับลงตัว หรืออยู่ระหว่างการเจรจาต่อรอง แต่หาก DSI เดินหน้าลุยถั่วสอย 138 สว. เท่ากับเปิดหวอสัญญาณเตะตัดขาการเติบโตของพรรคค่ายสีน้ำเงินเริ่มอย่างจริงจัง และคาดจะแตกหักกันในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เรื่องนี้ รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ The Publisher เมื่อวานโดยเตือนเรื่องสอบ สว.ของ DSI อาจทำให้พรรคร่วมรัฐบาลสั่นคลอนเกิด ‘เกมล้มรัฐบาล’ ในศึกซักฟอกที่กำลังจะเกิดขึ้น ถ้าผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียหาย อาจนำไปสู่การยกมือสวนกลางสภาฯ
“การเมืองไทยบนโครงสร้างอำนาจแบบสามเส้า พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลก็จริง แต่คนที่มีอำนาจจริง ๆ ไม่ได้ไว้ใจพวกเขาเต็มร้อย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องมีพรรคสีน้ำเงินและ ส.ว. คอยถ่วงดุลอำนาจ ที่ผ่านมาจึงเป็นรัฐบาลที่อยู่ได้ด้วยผลประโยชน์ระยะสั้น แต่เป็นความหวาดระแวงระยะยาว ไม่มีใครเชื่อใจใคร แต่ก็ไม่มีใครอยากออกจากอำนาจ ” รศ.ดร.โอฬารบอก
ดังนั้นผลการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ จึงเป็นที่จับตามอง และได้รับความสนใจจากสาธารณชนว่าจะกล้าเขย่าอำนาจอีกฝ่าย และทำลายโครงสร้างแบบสามเส้าหรือไม่
อนันต์ จารุนันทภาคย์ รายงาน