นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.โพสต์เรื่องนี้พร้อมกับหมายเรียกจาก กกต.ที่ให้ไปพบกรรมการไต่สวนและสอบสวนของ กกต.เรื่องถูกคนร้องเรียนว่าทำงานภาคประชาชนไม่ถึง 10 ปี โดยในโพสต์นี้นางอังคนาตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่ของ กกต.ว่าเรื่องฮั้ว สว.อาจมีคำถามถึงความล่าช้า แต่สำหรับตนเองทำไมออกหมายเรียกทั้งที่อยู่ในสมัยประชุม และเป็นวันประชุมวุฒิสภา พร้อมระบุ เรื่องทำงานมากี่ปีแค่ค้นใน google ก็เจอข้อมูลแล้ว ทำไมต้องให้เสียเวลาประชุมไปให้การด้วยตัวเอง
นางอังคณายังบอกแค่ข้อร้องเรียนว่าทำงานมากี่ปี กกต.ใช้เวลาร่วม 7 เดือนกว่าจะเรียกมาสืบสวนไต่สวนข้อเท็จจริง แล้วแบบนี้กรณี สว. อื่น ๆ ที่ข้อร้องเรียนมีความซับซ้อนกว่านี้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ แล้วจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการ กกต. เพื่อพิจารณาตัดสินการร้องเรียน สว.และเผยแพร่ต่อสาธารณะ
เรื่องนี้ กกต. ควรชี้แจงสาธารณชนทราบถึงเหตุความล่าช้า เพราะการเลือก สว. เป็นที่คลางแคลงใจอย่างมากของประชาชน เพราะหากมีฮั้วจริงถือเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายรากฐานที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตย เพราะ สว. เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ และมีหน้าที่พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติองค์กรอิสระ ตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ ป้องกันการทุจริต และคุ้มครองประชาชนให้มีความเท่าเทียม เป็นธรรมและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ
นางอังคณามองว่า การตรวจสอบการคัดเลือก สว. ไม่ว่าจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (กรณีอั้งยี่) หรือ กกต. (ทุจริตเลือกตั้ง) จะเป็นการพิสูจน์ข้อครหาถึงความชอบธรรมเกี่ยวกับที่มาของ สว. และจะเป็นการคืนศักดิ์ศรีให้ สว. ทุกคนที่เข้ามาโดยอิสระ และชอบธรรม ปราศจากการฮั้ว หรืออยู่ภายใต้กลุ่มอิทธิพลใด ๆ และไม่เห็นด้วยที่ สว. บางคนจะเปิดอภิปรายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือการเรียกมาสอบใน กมธ. หรือฟ้องร้องดำเนินคดี เพราะเห็นว่าเป็นการตอบโต้หรือแก้แค้น หรืออาจถูกมองว่าเป็นการกระทำเพื่อปิดปาก หรือปิดกั้นการเปิดเผยข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์สาธารณะ
“สุดท้ายประชาชนคงต้องติดตามว่าเรื่อง #ฮั้วสว ว่าจะจบลงอย่างไร จะสามารถเปิดเผยความจริง นำคนผิดมาลงโทษ หรือจะจบลงโดยการฮั้วของพรรคการเมืองและนักการเมือง โดยทิ้งความคลางแคลงใจต่อการได้มาของ สว. ต่อไป” นางอังคณาระบุ