กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เปิดปฏิบัติการ ‘ตัดวงจรแชร์ลูกโซ่ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K4’ ทลายเครือข่ายลงทุนหลอกลวงประชาชน พร้อมยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท และจับกุมตัวผู้ต้องหาหลัก 2 ราย ซึ่งเป็นกรรมการบริหารของบริษัท
เปิดแผนตุ๋น! ‘ลงทุน 50,000 ได้คืน 150,000 ใน 500 วัน’
เครือข่ายแชร์ลูกโซ่นี้อ้างว่าเป็นธุรกิจ “ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข” และ “ซิม K4” โดย หลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุน ด้วยการเสนอแพ็คเกจว่า ลงทุน 50,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 150,000 บาท ภายใน 500 วัน ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูงถึง 219% ต่อปี นอกจากนี้ ยังมีระบบแนะนำดีลเลอร์หรือนักลงทุนใหม่ โดยให้ค่าตอบแทนสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร
ในช่วงแรก นักลงทุนได้รับเงินคืนจริง ทำให้มีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก แต่เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม 2567 ผู้ลงทุนเริ่มไม่ได้รับผลตอบแทน และเมื่อทวงถาม กลับถูกบ่ายเบี่ยงจนสุดท้ายพบว่าถูกโกง
ปูพรมจับกุม! ทลายเครือข่าย – ยึดทรัพย์อื้อ
หลังจาก ผู้เสียหาย 61 ราย เข้าร้องทุกข์กับ บก.ปอศ. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งสืบสวนและพบว่า บริษัทดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจระบบชำระเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย และเงินลงทุนหมุนเวียนผ่าน เพย์เมนต์เกตเวย์ มากกว่า 400 ล้านบาท นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังมีการ ยักย้ายถ่ายโอนเงินเป็นทรัพย์สินหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
จากนั้นตำรวจได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาออกหมายจับ บริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด และ บริษัท ปันสุข555 จำกัด รวมถึงกรรมการบริษัท 2 ราย ได้แก่นางสาวเริงฤดีฯ อายุ 45 ปี (หมายจับศาลอาญา ที่ 1283/2568) และนางสาวพรพิมลฯ อายุ 30 ปี (หมายจับศาลอาญา ที่ 1286/2568)
ต่อมา วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้น 4 จุด ในกรุงเทพฯ (เขตคันนายาวและเขตลาดกระบัง) พบพยานหลักฐานสำคัญ รวมถึง “ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข” ที่ใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเมื่อตรวจสอบกลับพบว่า ไม่สามารถใช้งานได้จริง!
ยึดทรัพย์อื้อ! รถหรู-ที่ดิน-เงินสด รวมมูลค่า 50 ล้าน
เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึด 413 รายการ รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท โดยมีทรัพย์สินที่น่าสนใจ ได้แก่ รถยนต์หรู 11 คัน (โตโยต้า อัลพาร์ด, BMW, ซูซูกิ, รถไฟฟ้าฮาวาล และเนตะ) ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ เครื่องประดับ-กระเป๋าแบรนด์เนม 32 รายการ ที่ดินใน จ.ปราจีนบุรี 4 แปลง สมุดบัญชี-สมุดเช็ค 34 เล่ม เงินสด 150,000 บาท และคอมพิวเตอร์-โทรศัพท์มือถือ 36 เครื่อง
ขณะนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองรายถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 4 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
CIB เตือน! แชร์ลูกโซ่ระบาด อย่าหลงเชื่อ “ผลตอบแทนสูงเกินจริง”
ตำรวจสอบสวนกลาง เตือนประชาชนให้ระวังกลโกงแชร์ลูกโซ่ ที่มักใช้วิธีการดังต่อไปนี้ ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง เช่น คืนกำไร 200-300% การันตีผลตอบแทนแน่นอน ไม่มีความเสี่ยง เร่งรัดให้รีบตัดสินใจลงทุน และเน้นขยายเครือข่าย-หาสมาชิกเพิ่มเพื่อรับโบนัส
CIB ขอให้ประชาชน ตรวจสอบแหล่งที่มาก่อนลงทุน และหากพบพฤติกรรมเข้าข่ายฉ้อโกง สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน ปอศ. โทร. 1135 หรือแจ้งความผ่าน สถานีตำรวจใกล้บ้าน เพื่อดำเนินคดีและป้องกันความเสียหายต่อไป