• Original
  • Urban Culture
  • Writer
  • About us
  • คุยกับสส
  • The Persona
  • Brief
  • Thai Treasure
  • Urban life
  • On this day
  • News
  • Home
  • Editir pick
  • Good
  • Persona
  • Persona
  • Urban
  • Business
  • Politics
  • Playlist
  • Home
  • People Voice
  • Culture
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
  • Urban Wealth
  • Law
  • Update
  • I’m Youth Ranger
  • Urban History
  • Issues
  • Check

Subscribe to Updates

Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.

What's Hot

“จรวดBM-21” สัญญาณบอกเหตุ แม่ทัพกุ้งขอให้มั่นใจไร้รอยต่อ เปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 2

26/09/2025

กัมพูชาโต้ลั่น ! เคลื่อนย้ายกำลังพล-อาวุธ เป็นภาพเก่า ชี้ไม่มีพฤติกรรมยั่วยุ 

26/09/2025

เปิดหลักเกณฑ์ “คนละครึ่ง” 16 ปีขึ้นไป 33 ล้านสิทธิ เริ่มใช้ พ.ย.-ธ.ค.นี้

26/09/2025
Facebook Twitter Instagram
Facebook Twitter Instagram
The PublisherThe Publisher
  • P
    • Persona
    • Politics
    • People Voice
    • Playlist
  • U
    • Update
    • Urban
    • Urban Culture
    • Urban History
    • Urban life
    • Urban Wealth
  • B
    • Business
    • Brief
  • L
    • Law
    • I’m Youth Ranger
  • I
    • Issues
  • C
    • Check
  • About us
The PublisherThe Publisher
You are at:Home»ดีลลับจีน-ไทย? ทำไมรัฐบาลเร่งส่งอุยกูร์ หลังนายกฯ เยือนปักกิ่ง

ดีลลับจีน-ไทย? ทำไมรัฐบาลเร่งส่งอุยกูร์ หลังนายกฯ เยือนปักกิ่ง

27/02/20252 Mins Read
Facebook Twitter

“อะไรที่แลกได้ ย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย”

การตัดสินใจของรัฐบาลไทยในการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน อาจดูเป็นเรื่องที่ดำเนินการไปตามกฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศ แต่ในความเป็นจริง มันสะท้อนถึง สมดุลทางการทูตที่สั่นคลอน และ ราคาที่ประเทศไทยอาจต้องจ่าย ในสายตาของนานาชาติ

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มาในช่วงเวลาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คือเกิดขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีไทยเดินทางเยือนจีนและพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รวมถึง ปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ในประเทศไทย ซึ่งจีนให้ความสำคัญอย่างมาก จนถูกมองว่า “จีนเป็นผู้กำกับ ส่วนไทยมีหน้าที่แสดงเท่านั้น!”

การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนครั้งนี้ อาจเรียได้ว่าเป็น” จังหวะนรก “เพราะมันเกิดขึ้นในปีเดียวกับที่ไทยได้รับสถานะ “รัฐภาคีของ UNHCR” อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งทำให้ไทยถูกจับตามองมากขึ้นในเรื่องของ พันธกรณีด้านผู้ลี้ภัยและสิทธิมนุษยชน

คำถามคือ นี่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการทูต หรือเป็นเพียงข้อแลกเปลี่ยนที่ไทยต้องจ่ายเพื่อความสัมพันธ์กับจีน? และ ผลกระทบต่อไทยในเวทีโลกจะเป็นอย่างไร? คุ้มค่าหรือไม่กับการตัดสินใจเช่นนี้ของรัฐบาล?

เมื่อจีนกำหนดเกม ไทยอยู่ตรงไหน?

จีนเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ส่งตัวชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยกลับจีนมาโดยตลอด โดยอ้างว่าเป็น “พลเมืองจีนที่ลักลอบออกนอกประเทศผิดกฎหมาย” ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนมองว่า ชาวอุยกูร์เป็นชนกลุ่มน้อยที่เผชิญกับการกดขี่ทางศาสนาและวัฒนธรรมในซินเจียง

ที่ผ่านมา ประเทศอย่าง ตุรกีและมาเลเซียเลือกที่จะให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่ชาวอุยกูร์ หรือปล่อยให้เดินทางไปยังประเทศที่สาม แต่ไทยกลับเลือกที่จะส่งตัวพวกเขากลับจีน ซึ่งอาจมองได้ว่า เป็นการตอบสนองต่อแรงกดดันทางการทูตจากจีนโดยตรง

ยิ่งไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของอุยกูร์ เพราะมันเกิดขึ้นในช่วงที่ไทยกำลังทำงานร่วมกับจีน กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในไทย ซึ่งรัฐบาลจีนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ การส่งตัวอุยกูร์กลับจีนอาจถูกมองว่า เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ไทยต้องแลกเปลี่ยนกับอะไรบางอย่างที่ต้องการจากจีน แต่ประชาชนยังไม่มีโอกาสรับรู้หรือไม่? มีข้อตกลงทางการทูตที่ไม่ได้เปิดเผยหรือเปล่า?

ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ไทย: การทูตสองหน้าในเวทีโลก?

ไทยเพิ่งเข้าร่วมเป็น “รัฐภาคีของ UNHCR” อย่างเป็นทางการเมื่อ 1 มกราคม 2568 ซึ่งหมายความว่า ไทยต้องดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับหลักการขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยผู้ลี้ภัย หนึ่งในหลักการที่สำคัญคือ “Non-Refoulement” หรือ “หลักการไม่ส่งกลับ” ซึ่งห้ามไม่ให้ประเทศสมาชิกส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับไปยังประเทศที่พวกเขาอาจเผชิญกับการกดขี่หรือถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย

แต่การตัดสินใจของไทยในกรณีนี้กลับ สวนทางกับหลักการดังกล่าวโดยตรง ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อ เครดิตของไทยในเวทีสิทธิมนุษยชน รวมถึง การเจรจากับกลุ่มประเทศตะวันตกในอนาคต

ยิ่งไปกว่านั้น ไทยอยู่ในจุดที่ต้อง รักษาสมดุลทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ และยุโรปมักแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อจีนในเรื่องอุยกูร์ หมายความว่า ไทยอาจถูกเพ่งเล็งจากฝั่งตะวันตกว่าเลือกยืนข้างจีนมากเกินไป

สมดุลระหว่างจีน-สหรัฐ: ความเสี่ยงที่ไทยต้องเผชิญ

จีนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ไทยต้องพึ่งพา ในแง่ของ การค้า การลงทุน และความมั่นคง แต่ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ และยุโรปก็เป็น ตลาดส่งออกสำคัญของไทย และเป็นหุ้นส่วนด้านเทคโนโลยีที่ไทยต้องการ

การเดินเกมเอียงไปทางจีนมากเกินไป อาจทำให้ ไทยเผชิญกับการตอบโต้ทางการทูตจากฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป เช่น การลดความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหรือการลงทุน และ การถูกเพ่งเล็งด้านนโยบายสิทธิมนุษยชน

ที่ผ่านมาสหรัฐฯ เคยลงโทษประเทศที่มีนโยบายละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น กดดันกัมพูชาและเมียนมาในเรื่องการค้าสินค้าและสิทธิมนุษยชน หากไทยเดินไปในทิศทางเดียวกับจีนโดยไม่รักษาสมดุล เราอาจกลายเป็นเป้าหมายรายต่อไป

ตัวเลือกอื่นที่รัฐบาลไทยสามารถเลือกได้ แต่เลือกที่จะไม่ทำ!

หากรัฐบาลไทยต้องการรักษาสมดุลทางการทูตและหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน ไทยสามารถเลือกแนวทางอื่นที่ สร้างความยืดหยุ่นและลดความขัดแย้งทางการทูต ได้ เช่น ส่งต่อชาวอุยกูร์ไปยังประเทศที่สาม (Third Country Resettlement) ซึ่งไทยสามารถใช้โมเดลของ มาเลเซียและตุรกี ซึ่งเลือกที่จะ ส่งชาวอุยกูร์ไปยังประเทศที่ยินดีรับพวกเขา เช่น ตุรกี ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและศาสนากับอุยกูร์ วิธีนี้ช่วยให้ไทยไม่ต้องเผชิญแรงกดดันจากจีนโดยตรง ในขณะเดียวกันก็รักษาภาพลักษณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเวทีโลก แม้อาจต้องเผชิญแรงกดดันทางการทูตจากจีน แต่สามารถลดแรงกดดันจากสหรัฐฯ และยุโรปที่เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน

หรือรัฐบาลอาจตัดสินใจให้สถานะผู้ลี้ภัยชั่วคราวภายใต้การดูแลของ UNHCR เพราะไทยเพิ่งเข้าร่วมเป็นรัฐภาคีของ UNHCR เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 หากรัฐบาลต้องการรักษาภาพลักษณ์ ไทยสามารถให้สถานะ “ผู้ลี้ภัยชั่วคราว” แก่ชาวอุยกูร์ พร้อมเปิดโอกาสให้ UNHCR หาทางออกระยะยาว วิธีนี้ช่วยให้ไทย ไม่ต้องตัดสินใจเองในการส่งตัวกลับจีน และลดความเสี่ยงจากการถูกกล่าวหาว่าละเมิดหลัก Non-refoulement อย่างไรก็ตามทางเลือกนี้อาจถูกวิจารณ์จากจีนว่าให้ที่พักพิงแก่ “บุคคลที่ต้องการตัว” แต่ช่วยให้ไทยอยู่บนพื้นฐานกฎหมายสากล

อีกแนวทางที่รัฐบาลทำได้คือ เจรจากับจีนเพื่อให้มีการติดตามชะตากรรมของผู้ถูกส่งตัว หากไทยต้องเลือกส่งตัวกลับจีนจริง รัฐบาลสามารถเจรจากับจีนให้เปิดโอกาสให้มีการติดตามชะตากรรมของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับไป วิธีนี้เป็นทางออกที่ประนีประนอมและช่วยลดแรงกดดันจากองค์กรสิทธิมนุษยชน โดยอาจขอให้มีการตรวจสอบจากองค์กรระหว่างประเทศว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้ไม่ได้ถูกละเมิดสิทธิ์หลังส่งตัวกลับ

แต่ดูเหมือนว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปครั้งนี้ นอกจากไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้แล้ว รัฐบาลยังทำแบบลับ ๆ ล่อ ๆ ที่ทำให้ยิ่งสร้างความเคลือบแคลงมากขึ้นว่า รัฐบาลยังเป็นตัวของตัวเองหรือไม่

คำถามที่รัฐบาลต้องตอบ

รัฐบาลไทยอยู่ในจุดที่ต้อง รักษาสมดุลระหว่างการตอบสนองต่อแรงกดดันจากจีน กับการป้องกันผลกระทบจากสหรัฐฯ และประชาคมโลก การตัดสินใจเช่นนี้ อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ไทยจะถูกเพ่งเล็งจากสหรัฐฯ และตะวันตก ด้วยการถูกโจมตีเรื่องสิทธิมนุษยชนจาก UN และ NGO, อาจถูกระงับ GSP และถูกกีดกันจากข้อตกลงทางการค้า, ความร่วมมือทางทหารกับสหรัฐฯ อาจลดลง ไปจนถึงอาจเกิดแรงต้านภายในจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและชุมชนมุสลิมในไทย

คำถามสำคัญที่รัฐบาลไทยต้องตอบคือ ไทยกำลังเดินเกมที่เป็นประโยชน์ต่ออธิปไตยของตนเอง หรือกำลังถูกกดดันให้เลือกข้างโดยมหาอำนาจ? มีทางเลือกอื่นที่รักษาผลประโยชน์ไทยได้ดีกว่านี้หรือไม่? เราจะจัดการกับแรงกดดันจากทั้งจีนและตะวันตกอย่างไร โดยไม่สูญเสียอิทธิพลของตัวเอง? เหตุใดการส่งตัวชาวอุยกูร์ถึงเกิดขึ้นหลังการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรี? อะไรคือแรงกดดันที่แท้จริงที่ทำให้ไทยเลือกตัดสินใจเช่นนี้? รัฐบาลไทยมีแผนอย่างไรในการรักษาสมดุลระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในอนาคต? ไทยจะรับมือกับแรงกดดันจากนานาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนอย่างไร?

หากรัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน เราอาจกำลังเดินเข้าสู่เกมที่ไม่ได้เป็นผู้กำหนดเงื่อนไข แต่ตกเป็นหมากในกระดานของมหาอำนาจ!

Writer Publisher

Leave A Reply Cancel Reply

Demo
Editor Choices
Trendy

“จรวดBM-21” สัญญาณบอกเหตุ แม่ทัพกุ้งขอให้มั่นใจไร้รอยต่อ เปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 2

26/09/2025
Facebook Twitter Instagram TikTok

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

The publisher ใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ทําความเข้าใจ นโยบายคุกกี้ และ นโยบายความเป็นส่วนตัว อ่านเพิ่มเติม
ปฎิเสธ ตั้งค่าคุกกี้ ยอมรับ
Manage consent

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ที่จําเป็น
Always Enabled
คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
CookieDescription
cookielawinfo-checkbox-analyticsThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics".
cookielawinfo-checkbox-functionalThe cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional".
cookielawinfo-checkbox-necessaryThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary".
cookielawinfo-checkbox-othersThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other.
cookielawinfo-checkbox-performanceThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance".
viewed_cookie_policyThe cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data.
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
SAVE & ACCEPT
Powered by CookieYes Logo