คดีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว. กำลังกลายเป็น เกมการเมืองที่เดิมพันสูง เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เสนอให้เป็นคดีพิเศษ พร้อมตั้งข้อหาแรง “อั้งยี่” และ “ซ่องโจร” แต่ยังทำไม่สำเร็จ ฟันไม่จบในวันที่ 25 ก.พ.68 เจอโรคเลื่อนไปเป็นวันที่ 6 ก.พ.68 สะท้อนชัดฝ่าย สว.ก็ไม่ธรรมดา ไม่ใช่เรื่องที่จะเล่นงานได้ง่าย ๆ
DSI เปิดศึก! ฮั้ว ส.ว. = อั้งยี่ ซ่องโจร?
DSI ชี้ว่า การเลือกตั้ง ส.ว. มีการล็อกโผเป็นขบวนการ โดยมีการ จัดทำ “โพยเลือกตั้ง” และการใช้ อิทธิพลบงการผลเลือกตั้ง ซึ่งอาจเข้าข่าย ความผิดร้ายแรงตามกฎหมายอาญา จึงเสนอให้คดีนี้เป็น “คดีพิเศษ” พร้อมตั้งข้อหาแรง “อั้งยี่” (การรวมตัวเป็นองค์กรลับที่ผิดกฎหมาย) และ “ซ่องโจร” (การรวมกลุ่มเพื่อก่ออาชญากรรมร่วมกัน) ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ DSI ยืนยันว่า มีหลักฐานเพียงพอ และหากพบว่ามีการสมคบกันในลักษณะขบวนการ ก็ต้อง ดำเนินคดีแบบจัดเต็ม
เกมเอาคืนเริ่มแล้ว! ส.ว. อาจเดินหน้าฟ้องกลับ DSI – รัฐบาล
เมื่อเกมยังเดินต่อหมากบนกระดานก็เริ่มขับเคลื่อน งานนี้ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เดือด ไม่ใช่แค่ ปฏิเสธทุกข้อหา แต่ยัง เตรียมตอบโต้กลับฝ่ายเพื่อไทยและ DSI อย่างดุเดือด ล่าสุดยื่นเรื่องให้ประธานวุฒิสภาส่งไป ป.ป.ช.ตรวจสอบจริยธรรมและการปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI เพราะเห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งในการกล่าวหาเรื่อง “อั้งยี่” และ “ฟอกเงิน” โดยปราศจากพยานหลักฐานที่ชัดเจน
นี่ไม่ใช่แค่คดีฮั้วเลือกตั้ง แต่กำลังเป็น ศึกแห่งอำนาจระหว่าง ส.ว. พรรคภูมิใจไทย และคนที่อยู่หลังม่าน กับ เพื่อไทย และ DSI แนวทางที่ต้องจับตาต่อจากนี้คือ การตีโต้ของ สว. แบบหนามยอกเอาหนามบ่ง เมื่อใช้กฎหมายเล่นงานฉัน ฉันก็ใช้กฎหมายเล่นงานเธอ โดยเริ่มจากการยื่นฟ้องอธิบดี DSI และ รมว.ยุติธรรม ฐานใช้อำนาจเกินขอบเขต ,กดดันให้เลื่อน หรือยุติการรับคดีเป็นคดีพิเศษ และต้องจับตาว่าจะมีการเปิดเกมเล่นงานกลับ ฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย ด้วยการขุดคดีอื่น ๆ มาตอบโต้ด้วยหรือไม่” เพราะเกมนี้เป็นเกมอำนาจที่เดิมพันสูงในสนามการเมืองไทย”
ศึกนี้ไม่จบง่าย ๆ – การเมืองเดือดระหว่าง ส.ว.-ภูมิใจไทย – เพื่อไทย – DSI
6 มีนาคม 2568 คือวันชี้ชะตา คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จะพิจารณาว่าคดีนี้ ควรเป็นคดีพิเศษหรือไม่ แต่ด้วยแรงกดดันที่เกิดขึ้น ไม่มีอะไรการันตีได้ว่ากระบวนการนี้จะราบรื่น
วิเคราะห์กันหน่อยว่าถ้าคดีนี้เดินหน้า จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ส.ว. อาจถูกสอบสวนเชิงลึก และอาจมีคนถูกดำเนินคดีจริง กกต. อาจถูกกดดันให้ตรวจสอบการเลือกตั้ง ส.ว. อย่างเข้มข้นขึ้น อาจส่งผลให้โครงสร้างอำนาจของ ส.ว. ในวุฒิสภาเริ่มสั่นคลอน อำนาจต่อรองทางการเมืองของภูมิใจไทยจะถูกสะกดไว้ นำไปสู่การเกี้ยเซี๊ยะแชร์อำนาจในสภาสูง โดยเฉพาะการเลือกกรรมการองค์กรอิสระ เพื่อให้สมประโยชน์กันทุกฝ่ายหรือไม่
แต่ถ้าคดีนี้ถูกเบรก รัฐบาลเพื่อไทยและ DSI จะถูกโจมตีว่าปล่อยให้มี “ดีลลับ” ในสภาฯ ส.ว. อาจจะเดินเกมรุก เอาคืนรัฐบาลและกดดันให้ DSI ถูกตรวจสอบแทน หรืออาจไม่มีอะไรในกอไผ่
ประชาชนได้อะไรจากศึกนี้!
เกมอำนาจที่ไม่มีใครยอมใคร สองฝ่ายงัดกันสุดแรง แล้วประชาชนได้อะไรจากเรื่องนี้ หรือสุดท้ายเราทำได้แค่ “ยืนงงในดงอำนาจ”
อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่เกิดความขัดแย้งสิ่งที่ประชาชนได้ประโยชน์คือ การได้รับรู้ความจริงที่ซ่อนอยู่ ทำให้สาธารณะได้เห็นภาพชัดถึงระบบเลือกสว.ที่ฟอนเฟะ “ล็อกกันง่าย ฮั้วกันคล่อง จ้องอำนาจกันตาเป็นมัน กลายเป็นวันของสีน้ำเงิน “ดังนั้นสิ่งที่สังคมควรร่วมกันขับเคลื่อนคือ ผลักเรือตามน้ำ ออกแรงเพิ่มให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูป ไม่ใช่ปล่อยให้จบตามที่การเมืองกำกับ แต่ประชาชนต้องร่วมเปลี่ยนเกมอำนาจนี้ให้กลายเป็นเกมที่ประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด
สิ่งที่ประชาชนพึงตระหนักจากเกมนี้คือ นักการเมืองฟาดฟันกันแต่ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ค่าครองชีพยังสูงขึ้น ขณะที่ชาวบ้านเผชิญกับชีวิตความเป็นอยู่ที่ฝืดเคือง นักการเมืองกลับห้ำหั่นกันเพื่อแย่งชิงอำนาจ!
ศึกนี้ดูผิวเผินอาจเหมือนไม่ใช่เรื่องของประชาชนโดยตรง แต่มันกระทบถึงโครงสร้างอำนาจที่ปกครองพวกเราอยู่ สังคมจึงควรใช้โอกาสนี้เรียกร้องความโปร่งใส กดดันให้มีการปฏิรูปการเลือก สว. อย่าปล่อยให้ทุกอย่างจบลงโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ประชาชนต้องเป็นมากกว่าผู้ชม ต้องเป็นผู้ตั้งคำถามว่า ใครกันแน่ที่ได้ประโยชน์จากศึกนี้ และทำให้ศึกนี้เป็นสนามรบที่ประชาชนได้ประโยชน์