เมื่อวานนี้ (3 มีนาคม 2568) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ออกโรงชี้แจง หลังถูก กลุ่ม ส.ว.สำรอง กลุ่ม 10 กล่าวหาว่า เอื้อให้ผู้สมัครนำ “โพยฮั้ว” เข้าไปในสถานที่เลือกตั้ง ส.ว.
ในขณะที่ สังคมตั้งคำถามต่อกระบวนการเลือก ส.ว. ว่ามีความโปร่งใสจริงหรือไม่ นายแสวงเลือกใช้แนวทาง “แจงละเอียดยิบ” โดยยก 4 ข้อโต้แย้ง ยืนยัน ไม่มีการเอื้อให้เกิดการทุจริต และการอนุญาตให้นำเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครเข้าไป เป็นไปตามระเบียบและคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
ข้อกล่าวหาที่ กกต. ต้องตอบ – โพยฮั้วเลือก ส.ว. จริงหรือ?
ปมดรามาร้อนแรงในสนามเลือกตั้ง ส.ว. เกิดขึ้นหลังจาก นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ตัวแทน กลุ่ม ส.ว.สำรอง กลุ่ม 10 ออกมา ตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการเลือกตั้ง ส.ว. อาจมีการฮั้วกัน โดยกล่าวหาว่า กกต. อนุญาตให้ผู้สมัครนำ “โพย” เข้าไปในสถานที่เลือก ส.ว. ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้เกิดการล็อบบี้คะแนนเสียง
ข้อกล่าวหานี้ สะท้อนความกังวลของสังคม ที่จับตาดูว่าการเลือกตั้ง ส.ว. ครั้งนี้ จะโปร่งใสจริง หรือเป็นเพียงกระบวนการที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ “คนกลุ่มเดิม” คุมอำนาจต่อไป
แต่ กกต. ไม่รอช้า! แสวง บุญมี โต้กลับทันทีด้วย 4 ข้อหลัก โดยยืนยันว่าข้อกล่าวหานี้ “ไม่เป็นความจริง”
กกต. แจง 4 ข้อโต้ – ไม่มีการเอื้อให้ฮั้วเลือก ส.ว.
1 กฎหมายให้สิทธิ์ผู้สมัครนำเอกสารแนะนำตัวเข้าไปได้ โดยกฎหมายกำหนดให้มีเอกสารแนะนำตัวของผู้สมัคร (แบบ ส.ว. 3) เพื่อให้ผู้มีสิทธิ์เลือกได้ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ อีกทั้งระเบียบ กกต. และคำพิพากษาของศาลปกครอง ยืนยันว่าการนำเอกสารนี้เข้าไปในสถานที่เลือกตั้งเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่โพยฮั้ว 2 เอกสารแนะนำตัว “ถูกต้องตามกระบวนการ” ไม่ใช่โพยเถื่อน ศาลปกครองกลางเคยมีคำพิพากษา เพิกถอนข้อห้ามการนำเอกสารแนะนำตัวเข้าไปในสถานที่เลือก เพราะถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้มีสิทธิ์เลือกใช้ในการตัดสินใจ หาก กกต. ไม่อนุญาต อาจเป็นการ “ลิดรอนสิทธิ์” ของผู้มีสิทธิ์เลือกเอง 3 ไม่ใช่แค่ระดับประเทศ ระดับจังหวัด-อำเภอ ก็ปฏิบัติแบบนี้มาตลอด กระบวนการเดียวกันถูกใช้มาตั้งแต่การเลือก ส.ว. ระดับอำเภอและจังหวัด ไม่มีความแตกต่างจากระดับประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เอกสารแนะนำตัวจะถูกนำเข้าไป และ 4 หนังสือแจ้งแนวปฏิบัติชัด – ไม่ใช่ช่องโหว่ทุจริต กกต. ได้มีหนังสือ แจ้งแนวปฏิบัติอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 เอกสารแนะนำตัว (แบบ ส.ว. 3) ที่ถูกนำเข้าไป ต้องออกจากระบบบริหารจัดการของ กกต. เท่านั้น ไม่มีการใช้เอกสารเถื่อน
สังคมยังมีคำถาม – กกต. “ชี้แจง” หรือแค่ “แก้ตัว” ?
แม้ กกต. จะออกมาโต้กลับด้วยข้อกฎหมาย แต่ข้อกังขาของประชาชนยังไม่หมดไป เพราะแม้การนำเอกสารแนะนำตัวของผู้สมัครเข้าไป จะเป็นสิ่งที่ทำได้ตามกฎหมาย แต่คำถามที่แท้จริงคือ มีใครใช้ช่องโหว่นี้ในการล็อบบี้เสียงหรือไม่?
การออกมา ชี้แจงด้วยข้อกฎหมาย เป็นสิ่งที่ กกต. ต้องทำ แต่กฎหมายไม่ได้แปลว่ากระบวนการจะขาวสะอาด 100%
กกต. ต้องไม่ใช่แค่ “กูแก้ตัว” ต้องพิสูจน์ความโปร่งใสให้ได้!
แสวง บุญมี ออกมาปกป้องกระบวนการเลือกตั้ง ส.ว. ด้วยข้อกฎหมาย แต่กฎหมายไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่า ไม่มีการล็อบบี้ หรือไม่มีกระบวนการลับหลังเพื่อคัดเลือก ส.ว. ที่ถูกวางตัวไว้แล้ว
ประชาชนไม่ได้ต้องการแค่คำว่า “ทำตามกฎหมาย” แต่ต้องการเห็นว่า “กฎหมายถูกใช้เพื่อรักษาความโปร่งใส ไม่ใช่ถูกใช้เพื่อเปิดช่องให้การฮั้วยังคงอยู่”
หาก กกต. ต้องการให้ประชาชนมั่นใจจริง ๆ ว่าการเลือกตั้ง ส.ว. ครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส ต้องมีมากกว่าคำชี้แจง ต้องมีมาตรการที่ทำให้เห็นว่า…ไม่มีใครใช้ช่องโหว่นี้ล็อบบี้เสียงได้…กระบวนการเลือกตั้งไม่มีการแทรกแซงจากกลุ่มอำนาจ
และ กกต. ไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดเลือกตั้ง แต่ต้องเป็นผู้คุ้มกฎอย่างแท้จริง
ประชาชนกำลังจับตา… กกต. จะเป็นองค์กรอิสระที่แท้จริง หรือจะกลายเป็นเพียง “กูแก้ตัว” กันแน่?