ปมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จะเป็นจุดตาย จุดจบของนายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ หลังหลายองค์กรเคลื่อนไหวให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าป่วยทิพย์หรือไม่ จนนำไปสู่การติดตามทวงเวชระเบียน หรือบันทึกของแพทย์รักษาอาการป่วยของนายทักษิณของ ป.ป.ช. รวมถึงแพทยสภาจากทางแพทย์และโรงพยาบาลตำรวจ จนมีความกังวลว่าจะมีการเมืองแทรกแซงแพทยสภาหรือไม่ โดยในรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้าง ของ The Publisher คุณสมจิตต์ นวเครือสุนทร ได้พูดคุยกับ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี ในประเด็นนี้
The Publisher: รมว.สาธารณสุขที่จะเข้ามาแทรกแซงในฐานะนายกพิเศษแห่งแพทยสภาได้มากน้อยแค่ไหน?
นพ.วรงค์: อันนี้คือข้อสงสัยเพราะในวงการแพทย์รู้อันนี้ว่าเราจะไม่ทำเอ็มอาร์ไอ ในคนไข้วิกฤต หรือ คุณบอกว่าเป็นคนไข้วิกฤต ทำไมคุณไปเจาะไหล่ครับ เขาจะไม่ทำกัน เขาจะทำต่อเมื่อถ้ามันเป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะว่าลำพังคุณวิกฤตอยู่แล้ว ถ้าคุณเป็นลมยาสลบมันอันตรายต่อตัวคุณอยู่แล้ว คุณไปทำหัตถกรรมที่มันรอได้ อันนี้เป็นข้อสงสัย เมื่อถึงตรงนี้ ผมสมมุติว่า คณะอนุกรรมการสอบสวนของแพทย์สภาได้ทำการสอบสวนในประเด็นต่างๆ ที่มีการอ้างข้อกฎหมาย และสรุปว่าแพทย์เหล่านี้เนี่ย รายงานเอกสารเอกสารเท็จหมดเลย แม้แต่การรายงาน 30 วัน ที่ควรจะอยู่โรงพยาบาลตำรวจต่อ ก็เป็นการรายงานเท็จ 60 วันก็เท็จ 120 วันก็เท็จ
เมื่อถึงตรงนี้แล้ว แพทย์ต้องมีบทสรุป คณะอนุกรรมการของแพทย์สภาก็ต้องมีข้อสรุปนะ ว่ามติ แม้แต่เบื้องต้น อนุจริยธรรม มีมูลแล้วนะ จะต้องลงมติแล้ว ว่า ถือว่ามีความผิดแล้ว แล้วความผิดคุณจะตักเตือน หรือแม้แต่ยึดใบประกอบวิชาชีพชั่วคราว หรือถาวร ก็ประมาณนี้ แต่การลงโทษแพทย์ ขั้นตอนต่อไปต้องเสนอให้เลือกนายกสภาพิเศษ ก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คือมันจะออกได้ประมาณ 2 ทาง ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเห็นชอบครับ โอเค ผ่าน หรือไม่ลงความเห็นภายใน 15 วันถือว่าผ่าน แต่ถ้ายับยั้ง สมมติว่า รมว.กระทรวงสาธารณสุขยับยั้งขึ้นมาเนี่ย มันจะตีกลับมาที่แพทย์สภา ถ้าแพทย์สภาลงมติสองในสามถือว่ายืนยัน แต่ผมไม่ต้องเก็บตัวนี้ ไม่ว่าผลการสอบของแพทย์สภาจะเป็นอย่างไร แต่การตรวจสอบในเชิงข้อเท็จจริงรายละเอียดมันมีอยู่ ว่าคนไข้วิกฤตหรือไม่ เพราะรัฐมนตรีในฐานะนายกสภาพิเศษจะเห็นชอบผลการลงโทษหรือไม่ แต่รายละเอียดของข้อเท็จจริง ของการสอบมันมีอยู่นะ ผมว่าเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าการเมืองคุณจะเข้ามาแทรกแซง ก็แล้วแต่ข้อเท็จจริงมันจะถูกตีแผ่
The Publisher: ไม่น่าจะกล้า?
นพ.วรงค์: ซึ่งไม่น่าจะกล้า ลักษณะนี้แต่ละคนก็ปากกล้าขาสั่นเต็มไปหมดแล้ว ได้ยินได้ว่าทั้ง คปท. ก็เตรียมไปบุก หลายๆหน่วยงาน คือหลายภาคส่วนเตรียมไปบุก ยิ่งวันที่ 15 นี้ (15 ม.ค.68) ผมว่ามันเป็นการเติมฟืน ถ้าคุณตรงไปตรงมา คุณเอาเอกสารให้แพทยสภา จบเลยฮะ ให้เข้าไปทำหน้าที่ในการตรวจสอบ ตรงไปตรงมา แต่ยิ่งทำไม่ยื่นเลย สถานการณ์ของรัฐบาลจะเลวร้ายมากกว่านี้
The Publisher: บทบาทสมศักดิ์ เทพสุทิน เอื้อประโยชน์ให้ทักษิณหรือไม่?
นพ.วรงค์: อำนาจของรัฐมนตรีมันไม่เยอะนะ มันไม่เหมือนกับคุณถ้าคุณไปดูแลกรมราชทัณฑ์ ไปดูแลการออกกฎหมาย แต่นี่มันแค่เห็นชอบไม่เห็นชอบ ฉะนั้นกระบวนการที่อาจเป็นเรื่องของแพทย์ตรวจสอบแทน มันเป็นเรื่องของประธานที่คอยให้ความเป็นธรรมในภาพรวม ฉะนั้นผมคิดว่า ถ้าคุณต้องการวุ่นวายมาคุณอาจจะอยู่ไม่ได้ก็ได้ แม้มีหลายส่วนร้องกรรมการแพทยสภา กลุ่มแพทย์เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ นะ ผมกระจายให้สื่อหลายสำนักก็ได้อ่านหนังสือที่ผมร่าง นี่คือที่กลุ่มแพทย์เขานั่งวิเคราะห์ ใช้แพทย์หลายคนช่วยกันพิเคราะห์ ที่มีพอสรุปออกมาเยอะแยะไปหมดเลย ขณะที่กลุ่มแพทย์เองที่ไม่ได้เป็นกรรมการแพทย์สภาก็ยังวิเคราะห์ คือไม่ต้องการให้วิชาชีพแพทย์เสียเกียรติเสียศักดิ์ศรี
The Publisher: ข้อมูลที่มีปัญหา ส่อพิรุธ จะมาเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงคงไม่ใช่เรื่องง่าย?
นพ.วรงค์: อืม ผมเรียนเลยว่าบางครั้งคุณชอบคิดว่าประชาชนโง่ คุณเดินมาตัวตรงเลย ทักทายคนเยอะแยะ นั่นคือคนป่วยหนัก วิกฤต 6 เดือนนะ ออกมาเอาอะไรมาดามคอ เราเป็นหมอเราหัวเราะเยาะ คุณดูถูกประชาชนขนาดนั้นเชียวหรือ พวกหมอไม่มีใครเชื่อคุณหรอก คุณเป็นโรคอะไรที่ต้องมาดามคอ ที่ซ้ำร้ายก็คือเขาได้รับการพักโทษกรณีพิเศษ ซึ่งการพักโทษกรณีพิเศษ ถ้าคุณช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ระยะยาวนะ ต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในระยะยาวถ้าอายุเกิน 70 ปี ท่านครับว่าคุณท่านการปัสสาวะ กินข้าว อาบน้ำ มีปัญหาหมด แต่อันนี้คุณเดินตัวปลิวเลย คุณดูแข็งแรง อันนี้เรื่องนี้ก็ยังมีอีกประเด็น หนึ่งนะ นอกจากเรื่องแพทยสภา แล้วยังมีประเด็นการพักโทษกรณีพิเศษ ส่วนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งต้องเป็นปัญหาระยะยาว ผมว่า 2 เรื่องนี้ เป็นเรื่องใหญ่ ที่สังคมไทยจะปล่อยทิ้งไว้จะเป็นปัญหาแน่
The Publisher: ประเด็นนี้ ทำให้ไม่มั่นใจในทางการเมือง แต่สามารถมั่นใจในเกียรติและศักดิ์ศรีทางการแพทย์ว่าจะดำเนินการทุกอย่างได้อย่างตรงไปตรงมา?
นพ.วรงค์: ผมจะทำหน้าที่ในการติดตามให้ เพราะลึกๆแล้วผมเชื่อว่า แพทย์ส่วนใหญ่ถ้ามีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีอะไรไม่ชอบมาพากล ผมจะเป็นคนบอกพี่น้องอีกว่า มันไม่ชอบมาพากล ซึ่งคนเป็นหมอเวลาอ่านเอกสาร อ่านแล้วรู้เลย คือประชาชนทั่วไปยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะฉะนั้นโกหกประชาชนได้ แต่โกหกพวกหมอไม่ได้
The Publisher: 15 วัน คือเส้นตายที่โรงพยาบาลตำรวจจะต้องส่งข้อมูลทั้งหมดไป ซึ่งคาดว่าผลสรุปจะออกมาช่วงเวลาไหน?
นพ.วรงค์: ด้วยหลักการ คือเขามีกฎหมายรองรับ เรียกว่าพรบ.ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2525 และมีข้อบังคับต่างๆ รับรอง เขากำหนดไว้ว่า 180 วัน กฎหมายให้โอกาสกระบวนการในการจัดการ ถ้าจะต้องตอบได้อีก 120 วัน แต่ข้อมูลลักษณะนี้ ถ้าคุณเป็นหมอมันดูไม่ยากไง ยิ่งผมได้ฟังคณะกรรมการ เคยให้สัมภาษณ์ว่าได้ทำข้อมูลเชิงลึก และผมเชื่อว่า เรารู้ข้อมูลเชิงลึกเรียบร้อยแล้ว อันนี้ต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ผมเชื่อมันน่าจะนาน แต่ก็ไม่กล้าไปฟันธงไปนะ ต้องเป็นหัวเขามาคุยกันทุกคน อ้าปากเห็นลิ้นไก่หมด รู้หมด ดังนั้นโดยพื้นฐานเนี่ย ผมคิดว่าคณะกรรมการชุดนี้รู้อะไรพอสมควรแล้ว แค่รอเอกสารที่เป็นทางการเท่านั้นเอง
The Publisher: ถ้าเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา แล้วพบว่ามีแพทย์กระทำผิดจริยธรรม จะเป็นทางออกหรือเป็นการปูทางไปสู่อะไรได้อีก?
นพ.วรงค์: อย่าลืมว่าขณะนี้ชุดตรวจสอบมีสองชุด ชุดที่เราคุยกันคือแพทยสภา แต่ย้ำนะครับ แพทยสภาคือแพทย์ตรวจแพทย์ ตัวนี้ไม่ใช่จริยธรรม แต่การจะตัดสินว่าแพทย์ คุณทำผิดจริยธรรมหรือไม่ ต้องเอาข้อเท็จจริงทุกอย่างมาตีแผ่ จะมีบทสรุปว่า อาจจะได้ทำข้อไหน ผมสันนิษฐานว่าน่าจะขาดจริยธรรมเรื่อง การรายงานที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง รู้ทั้งที่ปฏิบัติผิดกฎหมาย เพราะมันถูกเชื่อมโยงกับพรบ.ของราชทัณฑ์ ผมสงสัยสองประเด็นนี้ เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว คณะกรรมการอีกชุดนึง คือคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่เป็นความผิดอาญานะ เมื่อกี้เป็นความผิดจริยธรรม ซึ่งมันมีแค่ ถ้าไม่มีความผิดยกคำร้อง ท่านมีความผิดตั้งแต่ตักเตือน คาดทัณฑ์ ยึดใบประกอบวิชาชีพไม่เกิน 2 ปี หรือว่า ถอนใบ เมื่อไป ป.ป.ช. จะมีเรื่องมาตรา 157 ตามปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปฏิบัติหน้าที่ทุจริต นั่นหมายความว่าคดีอาญา งั้น ถ้าถูกโยงไปแล้ว มันจะถูกโยงไปสู่ ป.ป.ช. และน่าจะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้
The Publisher: มันเหมือนจะเป็นฐานให้เร่งปฏิกิริยา ป.ป.ช. ?
นพ.วรงค์: มันเร็วมากๆ เลยนะ แล้วผมว่ามันเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพราะว่าเป็นองค์กรวิชาชีพที่ที่น่าเชื่อถือ เมื่อ ป.ป.ช. ขยับได้ สุดท้ายแล้วมันก็จะถูกโยงไปถึงรัฐบาล มันก็มีผลอย่างน้อยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทีมงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงยุติธรรม ผมว่ามันคงจะเป็นลูกระนาด อาจจะลามมาถึงตัวนายกรัฐมนตรีอุ๊งอิ๊งก็ได้
The Publisher: คาดว่าไม่น่าจะหยุดแค่ 12 เจ้าหน้าที่รัฐ ตามที่ ป.ป.ช. มีการตรวจสอบอยู่?
นพ.วรงค์: มันเป็นสารตั้งตน สองคนนี้เป็นจุดเริ่มต้น เมื่อ 12 คนนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการตรวจสอบแล้วขยาย ยิ่งข้อเท็จจริง มันจะถูกขยาย เพราะว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์สภาฯ หรือ ป.ป.ช. ต้องใช้ชุดความจริงชุดเดียวกัน แต่ถ้าอีกกฎหมายความผิดมันจะไม่เหมือนกัน และมันจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นจากรัฐบาล แล้วก็คุณปล่อยเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง เรื่องรัฐบาลก็เป็นเรื่องสุดท้าย ค่อยๆขยับมัน
The Publisher: คุณหมอคิดว่าจุดจบของเรื่องนี้ จะเป็นอย่างไร?
นพ.วรงค์: จุดจบจริงๆ นะไฟนอลนั้น ผมว่ารัฐบาลไปไม่รอดนะ
The Publisher: เพราะเรื่องชั้น 14 ?
นพ.วรงค์: เพราะว่าถ้าคุณทำอะไรให้มันตรงไปตรงมา ทำอะไรเกรงใจประชาชนสักหน่อย ผมว่าคนไทยก็ให้อภัยได้นะ คุณสำนึกสักหน่อย ทำตัวเป็นโปรไฟล์ ทำตัวเงียบ ๆ เดี๋ยวคนไทยก็ยังโอเคเนี่ย แต่วันนี้คุณกร่างจนลืม คุณกร่างชนิดที่ว่า วันนี้คุณออกมา คุณช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นี่อีกคดีนึงนะ ซึ่งเราก็แจ้งปปช.ไว้แล้วด้วย แล้วก็คุณบอกว่าคุณวิกฤติ จนประชาชน ต้องการจะดูเอกสารให้คุณแถลง คุณไม่ทำอะไรสักอย่าง คุณถือว่าคุณมีอำนาจบาตรใหญ่ งั้นเรามาถึงตรงนี้แล้วมันก็คือความเชื่อมั่นจากทางรัฐบาล เพราะรัฐบาลต้องเป็นผู้จัดการสิ่งเหล่านี้ ฉะนั้นเมื่อมันขยับไปเรื่อยๆแล้ว มันหมายถึงความเชื่อมั่นจากรัฐบาล ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลไปไม่รอด
The Publisher: เรื่องนี้หนักที่สุดนับตั้งแต่ที่มีปมประเด็นปัญหากับรัฐบาลนี้?
นพ.วรงค์: ผมเชื่อว่าอย่างนั้น เพราะว่าเรื่องอื่นดูเขาถอยนะ แม้แต่ไม่พูด แต่พฤติกรรมไม่ขยับ เช่น MOU44 ที่เราเคยสู้กันมาหลายชั่วโมง แม้ไม่พูดอะไรเลยแต่ไม่กล้าขยับในการแต่งตั้งเจดีซี หรือแม้แต่เรื่องรัฐธรรมนูญที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งก็ถึงขยับไปเดือนกว่าแล้ว ก็เลยทำให้รู้สึกว่าเรื่องเรื่องต่างๆเหล่านี้ ชะลอๆ เอ็นเตอร์เต็นท์คอมเพล็กซ์ก็คือเรื่อง จะทำกาสิโน หลายคนก็คัดค้าน แต่กฤษฎีกาออกมาก็ชี้ให้เห็นแล้วว่ามันไปต่อยาก แต่เรื่องชั้น 14 ยังเป็นจุดตายที่ทุกคนเกาะติดอยู่ตลอด ไม่บอกว่า อันนี้ก็คุยเรื่องแม้แต่แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจก็ยังดิ้น ในขณะที่เป็นเรื่องของแพทย์กับแพทย์คุยกัน คุณไปโยนให้นู่น โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขาไม่ได้เป็นหมอ เรื่องนี้ยิ่งคุณยิ่งรื้อรัฐบาลก็ยิ่งพังง่าย
The Publisher: เป็นจุดตายที่มีจุดจบที่ต้องมีคนติดคุก?
นพ.วรงค์: มี ผมเชื่อว่าคุก คือพฤติกรรมแบบนี้ลองคิดดูผมเชื่อว่าคนไข้ที่อ้างวันนั้น ว่าเจ็บป่วยร้ายแรง ลำพังถ้าเจ็บป่วยร้ายแรงแล้วยังอยู่ในคุกผมก็ยัง ให้อภัยแต่คุณอยู่ชั้น 14 แล้วทุกอย่างมันมีเอกสารผมเรียนนะครับทางการแพทย์มันไม่เหมือนอย่างอื่นมันเป็นวิทยาศาสตร์มันมีบันทึกไว้หมด แพทย์ จะบันทึกของตนเอง พยาบาลก็ต้องบันทึกของตนเองแล็บก็ต้องบันทึกของตนเองแม้แต่ผลต่างๆไม่ว่าจะเป็นผลเจาะเลือดเอ็กซเรย์ทุกอย่างจะต้องเก็บไว้เป็นหลักฐานทั้งหมดแล้วมันจะถูกเชื่อมโยงกันหมดเพราะงั้นเรื่องนี้ผมได้เห็นผมยืนยันผมว่าต้องมีคนติดคุก
The Publisher: แล้วคุณทักษิณจะได้กลับไปหรือไม่?
นพ.วรงค์: คือถ้าเป็นตามนี้ถ้าเค้าไม่ได้ ป่วยจริง เค้ายังไม่ติดคุกเลยจริงอยู่กฎหมายราชทัณฑ์คนไข้เจ็บป่วยที่ส่งไปรักษาภายนอก คุมขัง นอกเรือนจำ ได้ยังถือว่าจำคุกอยู่เพราะป่วยหนักขออยู่ที่โรงพยาบาล แต่อันนี้คุณไม่ได้ป่วยจริงถ้าออกมาเป็นในรูปแบบนี้ก็เท่ากับว่าคุณยังไม่ได้ติดคุกซึ่งอันนี้ก็คงถือว่าเป็นอีกสเต็ปหนึ่ง