ดร. ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์กับ The Publisher ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ที่ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร เปิดเผยถึงการยื่นคำร้องต่อ ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเอาผิดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ไม่โปร่งใสและขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เขาระบุว่าการเลือก ส.ว. ครั้งล่าสุดขัดต่อมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญ และควรถือเป็น “โมฆะตั้งแต่ต้น” เนื่องจากมีการ ใช้เงิน, ฮั้วเลือกสว. และ กกต.ละเลยตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร
“ผมจะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ กกต. และ ส.ว. ชุดนี้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างศาลลฯ พิจารณาคำร้อง”
แฉคลิปเสียง “อนุทิน” เอี่ยวซื้อเสียง ส.ว.!
ดร.ณฐพร เปิดเผยหลักฐานสำคัญเป็น “คลิปเสียงของนายอนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่พูดคุยกับผู้สมัคร ส.ว. รายหนึ่งเกี่ยวกับ การต่อรองผลประโยชน์ในการเลือกตั้ง ส.ว. “จะให้ 50,000 บาท แต่หากจะเข้ามาเป็นสมาชิก ต้องบริจาคพรรค 200,000 บาท”
เขาระบุว่า บุคคลที่อัดคลิปสามารถยืนยันตัวตนได้ชัดเจน และคลิปนี้ได้ถูกส่งไปยังกกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานเชื่อมโยงว่า ส.ว. หลายคนมีความเกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย เช่น นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และได้รับการสนับสนุนจาก เชาวรัตน์ ชาญวีรกูล (บิดาของอนุทิน) ให้เป็นอธิบดีกรมการปกครอง ก่อนขยับขึ้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย
“นี่เป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยมีบทบาทสำคัญในการครอบงำ ส.ว. และผมมั่นใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้อง เพราะทุกอย่างมีกฎหมายรองรับ ศาลเดียวที่จะบอกได้ว่ามีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าศาลฯ ไม่ทำ ผมถามว่าหน่วยงานไหนจะทำ ประชาชนทั้งประเทศก็ยืนยันแล้วว่า การเลือกสว.ครั้งนี้ไม่ชอบ และ DSI ก็อยู่ระหว่างสอบสวนคดีฟอกเงิน แล้วผมถามว่า ศาลฯ จะอยู่ได้ไหมครับ ผมมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นว่า ยังไงศาลรัฐธรรมนูญก็รับและการเลือกสว.ขัดรธน.มาตรา 5 แน่นอน”
กกต. ไม่เป็นกลาง – เอื้อประโยชน์พรรคการเมือง
ดร.ณฐพร ยังกล่าวหาว่า กกต. ละเลยหน้าที่ ปล่อยให้การเลือกตั้ง ส.ว. เต็มไปด้วยการทุจริต เช่น การปล่อยให้ผู้สมัครที่ไม่มีคุณสมบัติลงแข่งขัน ไม่มีการตรวจสอบกรณีฮั้วเลือกตั้งและการใช้เงินจูงใจ อีกทั้งยังละเลยข้อมูลที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตรวจสอบมาตั้งแต่ปี 2567
เขายกตัวอย่างว่า มีการปล่อยให้ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย กรอกข้อมูลเท็จลงสมัคร ส.ว. โดยไม่ถูกตรวจสอบนานถึง 7 เดือน และยังมีกรณีของ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ถูกบีบให้ไปพบ “เนวิน ชิดชอบ” แต่เมื่อปฏิเสธ คะแนนเสียงจาก ส.ว. 140 คน กลับไม่สนับสนุนให้เขาได้รับตำแหน่ง
“เป็นไปไม่ได้ที่ ส.ว. 140 กว่าคน จะมีมติเป็นเอกฉันท์แทบทุกครั้ง ถ้าไม่มีอำนาจแฝงควบคุมอยู่เบื้องหลัง!”
เดินหน้ายุบพรรค! ฟ้องอัยการสูงสุดสอบ ‘ล้มล้างการปกครอง’
ดร.ณฐพร ระบุว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องเรื่องฮั้ว ส.ว. กระบวนการตรวจสอบจะเสร็จเร็วกว่าการไต่สวนของ กกต. และ DSI และ เขาพร้อมเดินหน้ายื่นเรื่องขอยุบพรรคภูมิใจไทย
“ผมมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยมีพฤติกรรมเข้าข่าย ‘ล้มล้างการปกครอง’! ผมทำเรื่องตรวจสอบมาเกือบทั้งชีวิต ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลหรือพรรคการเมืองใด ทำหน้าที่ในฐานะประชาชนชาวไทย นักกฎหมายที่ต้องการให้สังคมอยู่ดีมีสุข ในระบอบประชาธิปไตยถ้าเราทำแบบนี้ก็เท่ากับเราปล่อยให้นักการเมือง พรรคการเมืองครอบงำฝ่ายนิติบัญญัติ อย่าลืม สว.จะทำหน้าที่ให้ความเห็นชอบ ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด อัยการสูงสุด และกรรมการในองค์กรอิสระ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการตรวจสอบ ถ้าสว.เป็นคนของพรรคการเมือง การตรวจสอบนักการเมืองจะทำได้หรือ? เรื่องนี้มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
เขาระบุว่า กลุ่ม “ยังเติร์ก” ในพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ และการแทรกแซงการเลือก ส.ว. ทำให้เกิด “อำนาจที่ไม่ชอบธรรม” ในรัฐสภา
“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องฮั้วเลือกตั้ง แต่เป็นการแทรกแซงอำนาจรัฐที่ต้องถูกจัดการ!”