ในขณะที่ประเทศไทยยังเต็มไปด้วยปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจชะลอตัว ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และเกษตรกรยังรอคอยความช่วยเหลือจากภาครัฐ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร กลับเดินทางไปร่วมงาน ITB Berlin งานแสดงสินค้าท่องเที่ยวระดับโลกที่เยอรมนี งานที่โดยปกติแล้ว เป็นเวทีสำหรับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ ไม่ใช่ผู้นำประเทศ ในประเทศชาวนายังเดือดร้อน แต่นายกฯ ไปงานท่องเที่ยวที่ไม่มีผู้นำประเทศไหนไป! เพื่อ…?
งาน ITB สำคัญพอให้นายกฯ ต้องไปเองหรือไม่?
งาน ITB Berlin ถือเป็นมหกรรมด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของโลก แต่มันเป็น งานธุรกิจ ที่มุ่งเน้นให้ภาคเอกชนและองค์กรด้านการท่องเที่ยวได้เจรจาการค้า ทำข้อตกลง และสร้างเครือข่าย ไม่ใช่เวทีระดับนานาชาติที่ต้องการการตัดสินใจเชิงนโยบายจากนายกรัฐมนตรี
ที่สำคัญ ไม่พบว่ามีนายกรัฐมนตรีหรือผู้นำประเทศไหนเข้าร่วมงานนี้ เพราะโดยปกติแล้ว หน้าที่นี้เป็นของกระทรวงการท่องเที่ยวหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในกรณีของไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวสามารถเป็นตัวแทนได้อยู่แล้ว
คำถามคือ ทำไมนายกฯ ไทยต้องไปเอง?
- ถ้าจะไปโปรโมตการท่องเที่ยว ททท. หรือ รมว. การท่องเที่ยวก็ทำได้
- ถ้าจะไปสร้างความร่วมมือ เอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็ทำได้…ทำไมต้องไปเอง?
การที่นายกฯ เดินทางไปเอง จึงอาจถูกมองว่า เป็นการให้ความสำคัญผิดลำดับ หรือใช้ทรัพยากรของรัฐในทางที่ไม่จำเป็น งบประมาณที่ใช้ไปเพื่อตอบสนองความต้องการนายกฯ หรือเพื่อตอบโจทย์ประเทศ?
ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
การเดินทางไปร่วมงานที่เยอรมนีของนายกฯ และคณะรัฐบาล ใช้เงินภาษีประชาชนเท่าไหร่?
- ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่ารักษาความปลอดภัย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- มีคณะผู้ติดตามกี่คน? และแต่ละคนมีภารกิจอะไรบ้าง?
- งบประมาณที่ใช้ไป มีความคุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ได้จริงหรือไม่?
ในอดีต เคยมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเรื่องการใช้จ่ายเกินความจำเป็นในการเดินทางไปต่างประเทศ และครั้งนี้ก็อาจถูกตั้งคำถามในลักษณะเดียวกัน
แล้วชาวนา กับคนทำมาหากินล่ะ?
ขณะที่ “แพทองธาร” เดินหน้าผลักดันตัวเองในเวทีท่องเที่ยวระดับโลก ชาวนาไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติที่แท้จริง
- ราคาข้าวตกต่ำ เพราะไร้มาตรการประกันราคา หรือ เอาตรง ๆ คือไม่มีมาตรการอะไรเลย
- ต้นทุนเกษตรกรพุ่งสูง รัฐบาลยังไม่เคยพูดถึงการช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกร ทั้งที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกษตรกรขาดทุน
- ตลาดส่งออกข้าวพังพาบ ศักยภาพในการแข่งขันลดลงอย่างชัดเจน พันธุ์ข้าวหอมมะลิ เริ่มถูกเวียดนาม กัมพูชา ตีตื้น แต่รัฐบาลแพทองธาร ยังไม่ตระหนักถึงปัญหา
จากข้อมูลล่าสุด ราคาข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ลดลงเหลือเพียง 8,200-8,500 บาทต่อตัน และในความเป็นจริงข้าวเกี่ยวสดของชาวนาความชื้นอยู่ที่ราว 25 % เงินที่ได้จึงเหลือเพียงแค่ 6,000 บาทเศษเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่ประมาณ 7,000 บาทต่อตัน นั่นหมายความว่า ชาวนากำลังขาดทุนทุกครั้งที่ขายข้าว ในขณะที่ราคาปุ๋ย ค่าขนส่ง และค่าครองชีพกลับสูงขึ้น
แต่ นายกฯ เลือกไปงานท่องเที่ยวก่อน มันสมเหตุสมผลหรือไม่?
เปรียบเทียบกับรัฐบาลก่อน ๆ
ที่ผ่านมา ไม่มีนายกรัฐมนตรีไทยคนใดต้องเดินทางไป ITB Berlin ด้วยตัวเอง โดยปกติ การโปรโมตการท่องเที่ยวไทยในเวทีระดับโลกเป็นหน้าที่ของ ททท. หรือรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี
หากเปรียบเทียบกับรัฐบาลก่อน ๆ ที่เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจหรือปัญหาภายในประเทศ รัฐบาลเหล่านั้นยังคงให้ความสำคัญกับ การจัดการปัญหาในประเทศก่อน มากกว่าการเดินสายต่างประเทศโดยไม่จำเป็น
การจัดลำดับความสำคัญของรัฐบาลนี้อยู่ตรงไหน?
รัฐบาลต้องไม่ลืมว่า ประชาชนเลือกคุณมาเพื่อบริหารประเทศ ดูแลปัญหาของพวกเขา ไม่ใช่เพื่อเดินสายต่างประเทศโดยไม่มีความจำเป็น และการไป ITB Berlin อาจถูกมองว่าเป็นแค่ “งานโชว์ตัว” ที่ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อเศรษฐกิจของประเทศในระดับมหภาค
ผลกระทบทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้น
- รัฐบาลอาจเสียคะแนนนิยม เพราะประชาชนอาจมองว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาปากท้องอย่างแท้จริง
- ฝ่ายค้านอาจใช้ประเด็นนี้ในการโจมตี ว่าเป็น “รัฐบาลเพื่อไทย แต่ไม่เพื่อประชาชน”
- เกิดกระแสกดดันในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤตเศรษฐกิจ
สุดท้ายแล้ว—เพื่อไทย หรือเพื่อใคร?
หากรัฐบาลเพื่อไทยอยากพิสูจน์ว่าตัวเอง “เพื่อประชาชนจริง ๆ” คำตอบต้องชัดเจนกว่านี้ และต้องสะท้อนออกมาในการจัดลำดับความสำคัญของงานที่นายกรัฐมนตรีต้องทำ เพราะการบินไปประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในขณะที่ชาวนายังรอความช่วยเหลือ อาจทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่า— “นี่เพื่อไทย หรือเพื่อใคร?”
และที่สำคัญ ถ้ารัฐบาลยังเดินหน้าจัดลำดับความสำคัญผิดพลาดแบบนี้ต่อไป มันอาจไม่ใช่ฝ่ายค้านที่ล้มรัฐบาล แต่อาจเป็นประชาชนที่หมดศรัทธาไปเอง
แล้วอย่าไปว่า “ชาวนา” ในวันที่เขาทนไม่ไหว จนต้องลงถนน