วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อโต้แย้งกรณีที่ประธานสภาฯ ให้แก้ไขข้อบกพร่องญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยยืนยันว่าญัตติดังกล่าวไม่มีข้อบกพร่อง และขอให้บรรจุญัตติเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมโดยเร็วที่สุด
หนังสือดังกล่าวระบุข้อโต้แย้ง 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประธานสภาฯ ไม่มีอำนาจ นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่าประธานสภาฯ ไม่มีอำนาจพิจารณาเนื้อหาญัตติ แต่มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบเท่านั้น การตีความข้อบังคับฯ ในลักษณะที่จำกัดเนื้อหาญัตติถือเป็นการ “ลุแก่อำนาจ” และ “เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ” ส่วนการระบุชื่อบุคคลภายนอกนั้น ผู้นำฝ่ายค้านชี้ว่าข้อบังคับฯ ไม่ได้ห้ามการระบุชื่อบุคคลภายนอก และในอดีตก็เคยมีญัตติที่ระบุชื่อบุคคลภายนอกมาแล้ว การอ้างว่าการระบุชื่อบุคคลภายนอกอาจทำให้เกิดความเสียหายนั้นไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังเห็นว่าระยะเวลาการแจ้งข้อบกพร่องก็ไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยนายณัฐพงษ์ระบุว่าการแจ้งข้อบกพร่องของญัตติไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดในข้อบังคับฯ ทำให้การแจ้งข้อบกพร่องดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ยังได้แนบเอกสารหลักฐานการยื่นญัตติในอดีต ซึ่งมีกรณีที่เคยมีการพาดพิงถึงบุคคลภายนอก เพื่อสนับสนุนข้อโต้แย้งของตนเอง และเรียกร้องให้นายวันนอร์ บรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระของสภาฯ โดยเร็ว
สำหรับเอกสารญัตติเก่าที่ฝ่ายค้านแนบไปเพื่อสนับสนุนว่า เคยมีการพาดพิงบุคคลภายนอกในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เช่น การไม่ไว้วางใจ นายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ อดีต รมว.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2529 ซึ่งมีการพาดพิงบริษัทเอกชน 2 แห่ง คือ บริษัทสหกสิกิจวิศวกร และบริษัทร่วมมิตรการแร่จำกัด ในประเด็นที่อดีต รมว.พาณิชย์ ได้อนุมัตินำเข้าไม้ซุงจากประเทศเมียนมา เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักรอันเป็นพฤติการณ์ที่ประชาชนเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง จึงต้องติดตามต่อว่าประธานสภาฯ จะมีท่าทีอย่างไรต่อหนังสือโต้กลับของฝ่ายค้าน หลังเคยยืนยันต่อสาธารณชนถึงสองครั้งว่า “ไม่เอาชื่อทักษิณออก ไม่บรรจุวาระ”
ความขัดแย้งดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานสภาฯ แจ้งให้แก้ไขข้อบกพร่องญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยอ้างว่าการระบุชื่อบุคคลภายนอกอาจทำให้บุคคลนั้นได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมได้ ซึ่งฝ่ายค้านมองว่าเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต และเป็นการจำกัดสิทธิในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล