เสียงสะอื้นของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ สะท้อนความอัดอั้นตันใจจากภาระหนี้มหาศาลที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องรับผิดชอบ จากการบริหารของพล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมฯ
360 ล้าน จากคดีแพ้สยามสปอร์ต + ดอกเบี้ย, กู้เงินจากฟีฟ่า 155 ล้าน ต้องทยอยใช้หนี้ถึงปี 2575,มีเงินคงเหลือในสมาคมฯ ก่อนเธอเข้ามา
ศาลฎีกาตัดสิน สมาคมแพ้คดี ต้องจ่าย 360 ล้าน!
การยกเลิกสัญญาถ่ายทอดสดยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทำให้สมาคมฟุตบอลต้องจ่ายค่าปรับมหาศาล บวกดอกเบี้ยต่อปี รวมแล้วอาจพุ่งถึง 560 ล้านบาท
“นี่คือมรดกที่แป้งไม่ได้ก่อ แต่ต้องจ่าย” มาดามแป้งกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินการ ฟ้องไล่เบี้ย เอาเงินคืนจากอดีตนายกฯ และสภากรรมการชุดก่อน
“แป้งขอเพียงความเห็นใจและกำลังใจจากแฟนบอล ปัญหานี้ต้องถูกแก้ไข แป้งไม่ได้เป็นผู้ก่อมันขึ้นมา”
ไล่เบี้ย – เคลียร์หนี้ – ค้นหาความจริง
มาดามแป้ง เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก พล.ต.อ.สมยศ และทีมบริหารชุดเก่า,ตรวจสอบเงินเดือน 32 ล้าน ที่อดีตนายกฯ อ้างว่าคืนให้สมาคมแล้วคืนจริงหรือแค่ลมปาก? เพราะตรวจสอบแล้วยังไม่พบหลักฐานการคืนเงิน และยังมีความผิดปกติเงิน 30 ล้าน ที่ใช้จ่ายค่าทนายในชั้นฎีกา ทำไมแพงกว่าทุกชั้นศาลก่อนหน้าเป็น 100 เท่า? จากศาลชั้นต้น 750,000 บาท ชั้นอุทธรณ์ 300,000 บาท พุ่งมาเป็น 30 ล้านบาทในชั้นฎีกา จากที่ตกลงก่อนหน้าว่าจะจ่ายเพียง 300,000 บาท จนเกิดข้อสงสัยว่า อาจเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แอบแฝง หรืออาจเข้าข่ายการฉ้อโกงและฟอกเงิน ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยใช้เวลาตรวจสอบราว 1 เดือน “หนี้ต้องใช้ และความจริงก็ต้องถูกเปิดเผย”
ไม่คุยกับสมยศ แต่คุยกับ… เนวิน ชิดชอบ!
ก่อนแถลงข่าว มาดามแป้งบอกว่าไม่ได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.สมยศ แต่ได้ปรึกษา เนวิน ชิดชอบ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของเธอ
“ถ้าแป้งคุยกับพล.ต.อ. สมยศ แป้งคงพูดทุกอย่างด้วยใจหนักแน่นแบบนี้ไม่ได้”
ผลงานของมาดามแป้งในฐานะนายกสมาคมฯ
แม้จะต้องรับช่วงต่อจากหนี้สินมหาศาล แต่มาดามแป้งก็มี ผลงานที่โดดเด่น ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เธอดำรงตำแหน่ง
ดึงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีกคืนมา,เงินสนับสนุนสโมสรตรงเวลา
,อัพเกรด VAR เป็นชาติแรกในอาเซียน สำหรับทั้ง T1 และ T2,จัด FIFA Congress 2024 ได้รับคำชมจากนานาชาติ,คว้ารางวัล “สมาคมฟุตบอลยอดเยี่ยม AFC ระดับ Diamond” และ พาทีมชาติไทย ขึ้นอันดับ 97 ของโลก ครั้งแรกในรอบ 16 ปี
ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ในเอเชีย เธอเคยให้คำมั่นไว้เมื่อวันที่ 8 ก.พ.67 ว่า “ในยุคของแป้งต้องการให้มีธรรมาภิบาล จริยธรรม ความโปร่งใส” เธอบอกว่า การเข้ามาสู่ตำแหน่งนี้แม้จะเต็มไปด้วยปัญหามากมายเป็นเพราะ “หัวใจสั่งมา”
ในวันที่อ่อนล้า ได้แต่หวังว่า “หัวใจจะสั่งให้เธอเข้มแข็งต่อไป” เพราะ “มาดามแป้ง” ไม่ได้แค่รับตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ แต่เธอกำลังรับบทบาท ‘ผู้สะสาง’ ปัญหาที่หมักหมมมานับทศวรรษ
หยาดน้ำตา…ในวันนี้ ไม่ใช่เครื่องแสดงความอ่อนแอ เพราะแววตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เมื่อมีความมุ่งมั่น ย่อมพร้อมเผชิญทุกอุปสรรค
สุดท้ายแล้ว…บทพิสูจน์ “มาดามแป้ง” ไม่ได้อยู่ที่คำพูดหรือหยาดน้ำตา แต่อยู่ที่ เธอสามารถพาฟุตบอลไทยไปสู่จุดที่ดีขึ้นได้หรือไม่?
และนั่น…คือสิ่งที่แฟนบอลและคนไทยทั้งชาติกำลังเฝ้ารอดู!