ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สร้างชื่อในเวทีโลกอีกครั้ง หลังคว้ารางวัล “ธนาคารกลางแห่งปี 2025” จาก Central Banking Publications ซึ่งเป็นรางวัลที่สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของธนาคารกลางไทยในการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน ท่ามกลางความพยายามแทรกแซงจากรัฐบาล
โดยรางวัลนี้ถือเป็นรางวัลสูงสุดในเวที Central Banking Awards ซึ่งมอบให้แก่ธนาคารกลางที่มีผลงานโดดเด่นระดับโลก โดย ธปท. กลายเป็นธนาคารกลางแห่งที่ 12 ของโลกที่ได้รับรางวัลนี้ นับตั้งแต่มีการมอบรางวัลครั้งแรกในปี 2014
Central Banking Publications ยกย่อง ธปท.
ป้องกันการแทรกแซง รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ
Central Banking Publications ระบุว่า ธปท. ได้รับรางวัลนี้เพราะสามารถรักษาความเป็นอิสระ ท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐบาล ขณะเดียวกันก็ยังสามารถบริหารนโยบายการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้น สมดุลระหว่างการดูแลเศรษฐกิจและการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน
“ธนาคารกลางไทยสามารถต่อต้านการแทรกแซงจากรัฐบาล ขณะที่ยังคงทำตามพันธกิจและเตรียมความพร้อมให้กับอนาคตของภาคการเงิน” – Central Banking Publications
แต่รางวัลนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย หากย้อนกลับไปตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ธปท. ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากรัฐบาลเพื่อไทย ตั้งแต่ยุคของเศรษฐา ทวีสิน ไปจนถึง แพทองธาร ชินวัตร รวมถึงความพยายาม ดัน กิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้ขึ้นเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ แต่สุดท้ายต้องล้มเหลวเพราะติด คุณสมบัติต้องห้าม
ย้อนศึก “รัฐบาลเพื่อไทย vs แบงก์ชาติ”
เมื่อธปท.ต้องยืนหยัดต้านแรงกดดันทางการเมือง
แม้รัฐบาลเพื่อไทยจะขึ้นสู่อำนาจด้วยนโยบายเศรษฐกิจที่เน้นการกระตุ้นการใช้จ่าย แต่ ธปท. ยังคงยืนหยัดในแนวทางของตน โดยเลือก รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและระบบการเงิน มากกว่าการดำเนินนโยบายประชานิยมแบบสุดโต่ง
ยุคเศรษฐา ทวีสิน: ศึกดอกเบี้ย – นโยบายคนละทางกับ ธปท.
ในช่วงที่ เศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขา วิจารณ์นโยบายดอกเบี้ยของ ธปท. อย่างหนัก โดยระบุว่า ธปท. ควรลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ ธปท. ยืนกรานว่าการปรับลดดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจกระทบเสถียรภาพระยะยาว และยืนหยัดรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ไม่โอนเอียงไปตามแรงกดดันทางการเมือง และสุดท้ายก็สามารถรักษาความเป็นอิสระได้ แม้ฝ่ายการเมืองจะพยายามสร้างกระแสภายนอกบีบรัด ธปท. เพิ่มเติมก็ตาม
ยุคแพทองธาร: ความพยายามดัน “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ขึ้นเป็นประธานบอร์ด ธปท.
เมื่อ แพทองธาร ชินวัตร รับไม้ต่อจากเศรษฐา แรงกดดันต่อ ธปท. ยังคงอยู่ ทั้งการกล่าวหา ธปท.เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ,ไม่ยอมลดดอกเบี้ย ฯลฯ และยังมีความพยายาม ดัน กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ และ รมว.คลัง ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขึ้นเป็น ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว เพราะ กิตติรัตน์ มีคุณสมบัติต้องห้าม เนื่องจากเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พ้นตำแหน่งไม่ถึง 1 ปี
อนาคตของ ธปท.: เมื่อแรงกดดันทางการเมืองยังไม่จบ
แม้จะได้รับการยกย่องในระดับโลก แต่ความท้าทายของ ธปท. ยังไม่จบเพียงเท่านี้
- จะต้านแรงกดดันทางการเมืองได้นานแค่ไหน?
รัฐบาลยังคงต้องการให้ ธปท. ดำเนินนโยบายสอดคล้องกับตน ทั้งเรื่องนโยบายดอกเบี้ย การจัดการเงินเฟ้อ และการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจถูกกดดันจากฝ่ายการเมืองต่อไป
- ระบบการเงินไทยต้องเตรียมพร้อมรับมืออนาคต
ธปท. ต้องสร้างสมดุลระหว่างเสถียรภาพทางการเงินและการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันยังมีความท้าทายใหม่ที่รัฐบาลพยายามผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน เช่น Digital Currency และระบบชำระเงิน ซึ่ง ธปท. ต้องดำเนินไปโดยไม่ถูกแทรกแซง
แบงก์ชาติไทย – ป้อมปราการสุดท้ายของความเป็นอิสระทางการเงิน
รางวัล “ธนาคารกลางแห่งปี 2025” ของ ธปท. ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องหมายของความสำเร็จทางนโยบายการเงิน แต่เป็นหลักฐานว่า ธปท. ยังสามารถรักษา “อิสรภาพ” จากแรงกดดันทางการเมืองได้
ขณะที่รัฐบาลเพื่อไทยพยายามผลักดันแนวทางของตน ธปท. ยังคง ยืนหยัดในหลักการของธนาคารกลางอิสระ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจที่มั่นคง
แต่คำถามสำคัญก็คือ… ธปท. จะสามารถรักษาความเป็นอิสระนี้ไว้ได้อีกนานแค่ไหน? แรงกดดันจากรัฐบาลเพื่อไทยจะยังคงมีต่อไปหรือไม่?
นี่คือศึกที่ยังไม่จบ… และอาจเป็นเดิมพันที่สำคัญที่สุดของระบบเศรษฐกิจไทยในอนาคต