วันที่ 11 มีนาคม 2568 – สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ “ความเสี่ยงของการทุจริต กรณีเรียกรับสินบน” ซึ่งระบุว่า การเรียกรับสินบนเป็นหนึ่งในรูปแบบของการทุจริตที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และภาพลักษณ์ของประเทศ
สถิติร้องเรียนการเรียกรับสินบน 5 ปี กว่า 1,000 คดี
ข้อมูลของ ป.ป.ช. ระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2563 – 2567) มีการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ การเรียกรับสินบนรวม 1,034 คดี โดยสถิติการดำเนินคดีแบ่งเป็น
- พ.ศ. 2563 – 171 คดี
- พ.ศ. 2564 – 229 คดี
- พ.ศ. 2565 – 227 คดี
- พ.ศ. 2566 – 226 คดี
- พ.ศ. 2567 (ล่าสุดถึงวันที่ 7 พ.ย. 2567) – 181 คดี
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการเรียกรับสินบน
ป.ป.ช. วิเคราะห์ว่า การเรียกรับสินบนมักเกิดขึ้นในกระบวนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีอำนาจอนุมัติ อนุญาต ตรวจสอบ หรือตัดสินใจในเรื่องสำคัญ เช่น การให้ใบอนุญาต การตรวจสอบภาษีการพิจารณาโครงการภาครัฐ และการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับประชาชน
ในบางกรณี เจ้าหน้าที่รัฐอาจใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือผู้ประกอบการอาจเสนอผลตอบแทนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิพิเศษหรือเร่งรัดกระบวนการต่างๆ
ผลกระทบของการเรียกรับสินบน
ป.ป.ช. ระบุว่า การเรียกรับสินบนส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อระบบราชการและภาคธุรกิจ โดยบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชน ต่อหน่วยงานภาครัฐ,ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ ทำให้ต้นทุนการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น,ทำลายบรรยากาศการลงทุนของประเทศ และเพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใส ในระบบราชการ
มาตรการควบคุมและการป้องกันการเรียกรับสินบน
ป.ป.ช. ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ มาตรการป้องกันและปราบปราม ซึ่งรวมถึง การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด โดย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดบทลงโทษที่รุนแรง โครงการ No Gift Policy ส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐประกาศนโยบายไม่รับของขวัญ มาตรการให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ และเปิดเผยข้อมูลการทุจริตต่อสาธารณะ และส่งเสริมธรรมาภิบาลในองค์กรรัฐและเอกชน
ป.ป.ช. ย้ำการแก้ปัญหาต้องทำอย่างจริงจัง
ป.ป.ช. ระบุว่า ความท้าทายสำคัญคือการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในกรณีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้เรียกรับสินบนเอง หรือประชาชนถูกบังคับให้จ่ายสินบนเพื่อให้ได้รับบริการที่ควรได้รับตามกฎหมาย
“การทุจริตในรูปแบบสินบนเป็นปัญหาเชิงระบบที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง และขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันสร้างสังคมที่โปร่งใส ปราศจากการคอร์รัปชัน เพื่อความเป็นธรรมและประโยชน์สูงสุดของประชาชน”