รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง โพสต์บทความ “ทักษิณจะถูกจับ ฐานเป็นอาชญากรต่อมนุษยชาติหรือไม่?” มีเนื้อหาเทียบเคียงพฤติกรรมของประธานาธิบดีโรคริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ กับ “ทักษิณ ชินวัตร” ในการทำสงครามกับยาเสพติดที่จบลงด้วยการสังเวยชีวิตคนในชาติจำนวนมาก
อาจารย์เจิมศักดิ์ เริ่มต้นบทความด้วยการตั้งคำถามว่า หลังจาก โรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกจับกุมตามหมายจับของ ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ฐานก่อ “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” จากนโยบาย “สงครามยาเสพติด” ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของประชาชนหลายพันคน คำถามที่เกิดขึ้นในสังคมไทยคือ “แล้วนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย จะถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันหรือไม่?”
ดูเตอร์เตถูกจับ คดีสงครามยาเสพติด แล้วทักษิณล่ะ?
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 CNN รายงานว่า ดูเตอร์เต ถูกคุมตัวที่สนามบินมะนิลา หลังเดินทางกลับจากฮ่องกง เนื่องจากรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้รับหมายจับจาก ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ข้อหา “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” อันเกิดจากแคมเปญ “สงครามยาเสพติด” ที่ดำเนินการในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2559-2562
สถิติความรุนแรงในยุคดูเตอร์เต
- ตำรวจฟิลิปปินส์ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการนี้ กว่า 6,000 ราย
- องค์กรสิทธิมนุษยชนเชื่อว่าจริง ๆ แล้วอาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่านั้นหลายเท่า
- มีหลักฐานว่าตำรวจและกองกำลังติดอาวุธได้รับ “ไฟเขียว” ให้สังหารผู้ต้องสงสัยได้
ในขณะที่คดีของดูเตอร์เตกำลังเดินหน้าใน ICC คำถามสำคัญที่หลายคนเริ่มตั้งคือ “นโยบายสงครามยาเสพติดของไทยในยุครัฐบาลทักษิณล่ะ?”
นโยบาย “สงครามยาเสพติด” ในยุคทักษิณ: ฆ่าตัดตอนเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติหรือไม่?
ในปี 2546 รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ นายทักษิณ ชินวัตร ประกาศ “สงครามยาเสพติด” อย่างแข็งกร้าว โดยกำหนดเป้าหมายว่าต้องกำจัดผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้หมดไป “ถ้าไม่ไปวัด ก็ให้ไปคุก”
ผลของมาตรการนี้
- มี “บัญชีดำ” รายชื่อผู้ต้องสงสัยกว่า 46,000 คน
- มีผู้เสียชีวิตในช่วงแรกของปฏิบัติการ มากกว่า 3,000 ราย
- หลายกรณีถูกมองว่าเป็น การฆ่าตัดตอน ที่เจ้าหน้าที่ใช้เป็นข้ออ้างกำจัดผู้ต้องสงสัย
- มีรายงานว่า มีผู้บริสุทธิ์จำนวนมากถูกสังหาร โดยไม่มีการสอบสวนอย่างเป็นธรรม
แม้ว่าจะไม่มีการดำเนินคดีกับนายทักษิณในระดับสากล แต่แนวทางและผลกระทบของสงครามยาเสพติดในไทย มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์
ทักษิณจะถูกจับฐานอาชญากรต่อมนุษยชาติได้หรือไม่?
ความแตกต่างสำคัญระหว่างกรณีของดูเตอร์เตและทักษิณ คือ “สถานะของประเทศไทยต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ”
- ฟิลิปปินส์เคยเป็นสมาชิกของ ICC และแม้ว่าดูเตอร์เตจะถอนตัวในปี 2562 แต่ คดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นยังอยู่ในอำนาจของ ICC
- ประเทศไทย “ลงนาม” ใน ICC แต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน → หมายความว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีอำนาจดำเนินคดีโดยตรง
- ถึงแม้ ICC จะสามารถออกหมายจับได้ แต่ รัฐบาลไทยไม่มีภาระผูกพันที่จะต้องส่งตัวทักษิณ ไปดำเนินคดีที่กรุงเฮก
นั่นหมายความว่า หากประเทศไทยเข้าร่วม ICC อย่างเป็นทางการ ทักษิณอาจถูกดำเนินคดีแบบเดียวกับดูเตอร์เตได้
แล้วรัฐบาลไทยยุคนี้ล่ะ? จะส่งตัวทักษิณไป ICC ไหม?
สิ่งที่ทำให้กรณีนี้ซับซ้อนยิ่งขึ้น คือ รัฐบาลไทยในปัจจุบันมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี
คำถามที่ต้องคิด หากไทยเป็นสมาชิก ICC อย่างสมบูรณ์ และศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับ นายกฯแพทองธารจะอนุมัติให้ส่งตัวบิดาของตนไปเผชิญคดีที่เฮกหรือไม่? หรือรัฐบาลจะหาทางปกป้องทักษิณ ไม่ให้เผชิญกระบวนการยุติธรรมระดับสากล? ศาลไทยเองจะมีการรื้อฟื้นคดีเกี่ยวกับสงครามยาเสพติดขึ้นมาใหม่หรือไม่?
นี่คือ บททดสอบสำคัญของหลักนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมของไทย
บทความนี้อ้างอิงจากโพสต์ของ รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง (นักวิชาการและสื่อมวลชนอาวุโส) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568
อ่านต้นฉบับโพสต์ได้ที่: Facebook รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง