กรุงเทพฯ – สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงของโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่บนถนนพระราม 2 ผ่านโพสต์บนเฟซบุ๊ก ระบุว่า แม้โครงการจะแล้วเสร็จ แต่ยังมี “โอกาสถล่มลงมาได้ในอนาคต” เนื่องจากปัจจัยด้านโลกร้อน น้ำทะเลหนุน และแผ่นดินทรุดตัว
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อโครงสร้างถนนพระราม 2
- แผ่นดินทรุดตัวต่อเนื่อง – พื้นที่ถนนพระราม 2 เคยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ดินบริเวณนี้เป็นดินเหนียวอ่อนนุ่ม ซึ่งทรุดตัวโดยธรรมชาติทุกปี ประมาณ 1-2 เซนติเมตร หรือในบางพื้นที่อาจทรุดได้ถึง 1-2 นิ้วต่อปี โดยเฉพาะในเขตบางนา บางกะปิ มีนบุรี และสมุทรสาคร
- โลกร้อนทำให้น้ำทะเลหนุนสูงขึ้น – การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นปีละ 5.8 มิลลิเมตร และคาดว่าที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 0.39 ม. ในปี 2573, 0.73 ม. ในปี 2593 และ 1.68 ม. ในปี 2643 ซึ่งจะทำให้ดินอ่อนตัวและน้ำอาจท่วมขังใต้ดิน
- แรงกดจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ – หากถนนพระราม 2 ต้องรองรับโครงสร้างขนาดใหญ่และเกิดแรงกดทับจากทางยกระดับและทางด่วนในอนาคต อาจทำให้เกิดการทรุดตัวของดินเร็วขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงที่โครงสร้างจะพังถล่มลงมา
โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่บนถนนพระราม 2
ปัจจุบันมี 3 โครงการหลักที่กำลังก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ได้แก่
- โครงการทางยกระดับทางหลวงหมายเลข 35 (สายธนบุรี-ปากท่อ) ตอนบางขุนเทียน-เอกชัย โดยกรมทางหลวง
- โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 (บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว) ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว โดยกรมทางหลวง
- โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกฯ โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) คาดว่าจะเปิดทดลองใช้ในปี 2568
นักวิชาการแนะต้องประเมินความเสี่ยงรอบด้าน
สนธิ คชวัฒน์ เตือนว่า “ต้องมีการประเมินผลกระทบทางวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมให้รอบคอบก่อนการก่อสร้าง” และต้องนำปัจจัยด้านโลกร้อน ภัยพิบัติ และสภาพดินอ่อนในพื้นที่มาพิจารณาร่วมด้วย เพื่อป้องกันปัญหาถนนทรุดตัวและความเสี่ยงต่อโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่เดิมที่เคยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งศึกษาแนวทางป้องกันและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในอนาคต