สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยแนวทางการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิ์สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญเพื่อลดปัญหาการใช้ทรัพยากรทางการแพทย์โดยไม่จำเป็น และป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ปัญหาการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยา
จากการตรวจสอบของ ป.ป.ช. พบว่ามีการใช้สิทธิ์สวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการในลักษณะที่อาจไม่สมเหตุสมผล รวมถึงกรณีที่มีการจ่ายยาหรือเวชภัณฑ์เกินความจำเป็น ส่งผลให้เกิดภาระทางการเงินต่อภาครัฐ และอาจเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มบุคคล 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
- บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายยา ที่อาจมีพฤติกรรมส่งเสริมการขายเกินควร
- บุคลากรทางการแพทย์ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ่ายยาที่ไม่จำเป็น
- ผู้มีสิทธิ์เบิกจ่าย ที่อาจใช้สิทธิ์ในการรักษาพยาบาลโดยไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์
มาตรการที่ ป.ป.ช. เสนอ
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ป.ป.ช. ได้กำหนดข้อเสนอแนะเชิงระบบและเชิงการบริหารจัดการ ดังนี้
- ข้อเสนอแนะเชิงระบบ
• ผลักดันนโยบายส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล (Rational Drug Use – RDU)
• กำหนดหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างที่เข้มงวด ห้ามมีเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์แก่บริษัทใดบริษัทหนึ่ง
• พัฒนาระบบตรวจสอบข้อมูลยาแบบเรียลไทม์ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส - ข้อเสนอแนะเชิงการบริหารจัดการ
• บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่มีพฤติกรรมทุจริต
• ให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติตามหลักจริยธรรม
• สร้างระบบติดตามและควบคุมการใช้สิทธิ์สวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ
แนวทางการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ป.ป.ช. ได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางป้องกันทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นให้เกิดการใช้ยาที่เหมาะสม และลดช่องว่างของการใช้สิทธิ์ในทางที่ไม่ถูกต้อง
ป.ป.ช. ยืนยันว่าจะเดินหน้าผลักดันมาตรการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดภาระงบประมาณของภาครัฐ แต่ยังช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ก่อนหน้านี้เกิดเหตุการทุจริตเบิกจ่ายยาครั้งมโหฬารทำอย่างเป็นระบบที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 600 คน