ถ้าพูดถึง “โจรขโมยปาล์ม” หลายคนอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ ขโมยแค่ผลผลิตในสวนชาวบ้าน แต่ถ้าบอกว่าโจรพวกนี้ขยันกว่าข้าราชการบางคนล่ะ? พวกมันทำงานเป็นระบบ ขโมยเป็นล่ำเป็นสัน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ โดยที่เจ้าของสวนต้องนั่งกลืนน้ำลายเฝ้าดูผลผลิตตัวเองหายไป บางสวนถึงกับต้องวางเวรยามถือปืนเดินตรวจกันเอง ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐจะยังนั่งสบายใจ ไม่จับ ไม่แก้ ไม่ทำอะไรเลย อยู่แบบนี้จริง ๆ หรือ?
ครูโค่นสวนปาล์มเพื่อหนีโจร – ระบบพังจนชาวบ้านถอดใจ
กรณีของ “ครูสุรเดช” ครูในจังหวัดตรัง เป็นภาพสะท้อนปัญหานี้ได้อย่างชัดเจน หลังจากถูกโจรขโมยผลปาล์มซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนสุดท้ายตัดสินใจ โค่นสวนปาล์ม 4 ไร่ของตัวเองทิ้ง เพราะทนไม่ได้ที่ต้องทำงานให้โจรฟรีๆ งานนี้ไม่ต้องพูดถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจ ลองคิดดูว่าต้องสิ้นหวังแค่ไหนถึงต้องตัดสินใจแบบนี้?
สิ่งที่น่าหดหู่ยิ่งกว่าคือ นี่ไม่ใช่กรณีแรก และคงไม่ใช่กรณีสุดท้าย เพราะการขโมยปาล์มเป็น “อาชีพ” ที่เติบโตขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และดูเหมือนรัฐจะปล่อยให้มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
โจรทำเป็นอุตสาหกรรม – เกษตรกรต้องจับปืนเดินเฝ้าสวน
โจรขโมยปาล์มไม่ใช่แค่พวกมือสมัครเล่นปีนรั้วเข้าไปขโมยกลางดึก แต่พวกนี้คือ “มาเฟียสวนปาล์ม” ที่ขโมยกันแบบเป็นระบบ มีรถกระบะ มีคนรับซื้อ มีตลาดรองรับ และที่สำคัญคือ อาจมีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนรู้เห็น แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
เกษตรกรหลายรายถึงขั้นต้องจัดเวรยาม เฝ้าสวนด้วยปืน เพราะถ้าไม่มีอาวุธ พวกโจรก็จะขโมยไปหน้าตาเฉย ประเทศนี้มันอยู่ยากขนาดที่ชาวบ้านต้องป้องกันทรัพย์สินตัวเองด้วยปืนแล้วเหรอ?
รัฐขยันจับแต่ชาวบ้าน ขยันปรับแต่คนจน แต่ปล่อยโจรลอยนวล
ปัญหาคือ เวลาชาวบ้านพยายามป้องกันตัวเอง กลับกลายเป็นว่าตำรวจเข้มงวดกับชาวบ้านมากกว่ากับโจรเสียอีก เช่น ถ้าเจ้าของสวนไล่ล่าออกนอกสวนเผลอทำร้ายโจร กลายเป็นว่าต้องติดคุกข้อหาทำร้ายร่างกาย ถ้าไปไล่จับเอง ตำรวจบอกว่าผิดกฎหมายฐานใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ แต่พอโจรขโมยไป ตำรวจกลับบอกว่า “หลักฐานไม่เพียงพอ” ยังจับมือใครดมไม่ได้ เราจะปล่อยให้ “เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นปกติ” จริง ๆ หรือ?
เมื่อไหร่กันที่การขโมยปาล์มกลายเป็น “เรื่องปกติ”? เมื่อไหร่กันที่เกษตรกรต้องยอมรับว่าโจรมีสิทธิ์เอาผลผลิตไปได้โดยคนสุจริตต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรม?
ผู้ว่าฯ สั่งห้ามรับซื้อปาล์มเถื่อน – ฟังดูดี แต่ใครจะตรวจสอบ?
ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกคำสั่งห้ามลานรับซื้อรับผลปาล์มที่มาจากการขโมย ฟังดูเหมือนจะเป็นมาตรการที่ดีใช่ไหม? แต่คำถามคือ ใครจะเป็นคนตรวจสอบ?
• เจ้าของสวนไม่มีอำนาจตรวจสอบ
• ลานรับซื้อไม่สนใจ เพราะไม่มีผลกระทบต่อตัวเอง
• ตำรวจก็ยังเฉื่อยเหมือนเดิม
แล้วแบบนี้คำสั่งนี้จะได้ผลแค่ไหน? หรือเป็นแค่การสร้างภาพให้ดูเหมือนรัฐกำลังทำงานเท่านั้น?
ถ้าโจรขยันกว่าตำรวจ ประเทศนี้จะอยู่กันยังไง?
สุดท้ายแล้ว ปัญหาการขโมยผลปาล์มไม่ใช่แค่เรื่องของการสูญเสียรายได้ของเกษตรกร แต่มันสะท้อนถึงความล้มเหลวของระบบกฎหมายไทย กฎหมายอ่อนแอ จับไม่ได้ ปราบไม่ได้ โจรเติบโตทำกันเป็นระบบ เกษตรกรต้องป้องกันตัวเองด้วยปืน รัฐออกคำสั่งที่ไม่มีใครตรวจสอบ
หรือว่าสุดท้ายแล้ว เราต้องทำใจยอมรับว่า “กฎหมายไทยไม่เคยมีไว้จัดการโจร แค่มีไว้จัดการคนจน” กันแน่?