กระแสการเมืองกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินสายพบปะประชาชนที่จังหวัดพิษณุโลก พร้อมเสนอแนวคิดใหม่สุดหวือหวา คือการ “ยกหนี้ประชาชนออกจากเครดิตบูโร โดยไม่ต้องชำระ” คำพูดนี้ฟังดูดีในเชิงประชานิยม แต่ในทางปฏิบัติอาจนำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม
สถานการณ์หนี้บัตรเครดิตล่าสุดของไทย
ข้อมูล ณ ไตรมาสแรกของปี 2567 ประเทศไทยมีบัตรเครดิตทั้งหมดประมาณ 24 ล้านใบ มียอดสินเชื่อคงค้างรวมประมาณ 550,000 ล้านบาท พบว่ามีบัญชีที่เป็นหนี้เสีย (ค้างชำระมากกว่า 3 เดือน) สูงถึง 64,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% จากปีก่อน นอกจากนี้ บัญชีที่เริ่มมีปัญหาในการชำระ (ค้างชำระตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป) ก็มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจหากทำจริง
การดำเนินการล้างหนี้ทั้งหมดออกจากระบบเครดิตบูโร จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวม นักลงทุนต่างชาติอาจเกิดความไม่มั่นใจ สถาบันการเงินอาจลดหรือชะลอการให้สินเชื่อใหม่ ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจทั้งระบบ
ทางออกที่เหมาะสมคืออะไร?
แทนที่จะดำเนินการล้างหนี้ทั้งหมดโดยตรง รัฐบาลอาจเลือกแนวทางที่ปลอดภัยและมีความเป็นไปได้มากกว่า เช่น การพักชำระหนี้ชั่วคราว หรือปรับโครงสร้างหนี้อย่างเป็นระบบ โดยร่วมมือกับธนาคาร ซึ่งเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้และเสี่ยงน้อยกว่ามาก
ความเสี่ยงจาก “การขายฝัน”
แม้ข้อเสนอยกหนี้จากเครดิตบูโรอาจดึงดูดประชาชนที่มีปัญหาหนี้สินได้ดี แต่ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจนั้นมหาศาล หากดำเนินการโดยขาดความรอบคอบ อาจทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่ได้ง่ายๆ ซึ่งครั้งนี้อาจหนักหน่วงไม่แพ้วิกฤตในอดีตที่ผ่านมา