ประโยคเด็ด
- “ศึกซักฟอกครั้งนี้ จะลอกคราบ ‘แพทองธาร’ และ ‘ทักษิณ’ ไปพร้อมกัน”
- “ถ้าออกเหรียญคริปโต ‘ทักษิณคอยน์’ จริง ผมไม่คิดว่าจะมีใครเชื่อถือ”
- “สภาฯ ไม่ใช่เครื่องจักร! การอภิปรายข้ามวันคือมายาภาพของประสิทธิภาพจอมปลอม”
- “หลังซักฟอก เธออาจเมคโจ๊ก… หรือเละเป็นโจ๊ก… หรือกลายเป็นตัวโจ๊กเอง”
- “โอกาสที่นายกฯ คนนี้จะยืนยาว… เหลืออยู่น้อยเต็มที”
เปิดศึกซักฟอก 24 มี.ค.: เป้าใหญ่ไม่ได้มีแค่ ‘อิ๊งค์’ แต่ลามถึง ‘พ่อ’
รศ.ดร. พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นักรัฐศาสตร์จากนิด้า วิเคราะห์ในรายการ เที่ยงเปรี้ยงปร้าง ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 24 มีนาคมนี้ จะเป็นมากกว่าการซักถามต่อนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เพราะเบื้องหลังคือเงาของทักษิณที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ จะมีการลอกคราบในหลายมิติ ตั้งแต่ขาดภาวะผู้นำ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ยอมให้บุคคลในครอบครัวครอบงำ ซึ่งน่าจะทำให้เกิดการลอกคราบ “ทักษิณ” ด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นตัวละครหลักที่มีบทบาทมากกว่าลูกสาวนายกฯ
“บทบาทของทักษิณมีมากกว่านายกฯ เสียอีก สื่อยังสนใจทักษิณมากกว่าลูกสาว เพราะมีข่าวด้านนโยบาย ส่วนแพทองธารขยันเป็นข่าวเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม แต่ในเชิงสาระไม่มีเลย”
“ทักษิณคอยน์” หรือฝันลอย ๆ ? ขายฝันล้างหนี้ แต่ฝากหนี้ไว้ให้ประเทศ
อาจารย์พิชาย ชำแหละนโยบาย “ซื้อหนี้ประชาชน” ที่ทักษิณพูดไว้ จนนำไปสู่ข้อสงสัยว่า จะเอาเงินมาจากไหน และใครจะซื้อหนี้
“ต้องเป็นเอกชนที่ ‘ฉลาดน้อย’ ถึงจะไปซื้อตามแนวคิดนี้”
“หรือจะสร้างเงินจากอากาศแบบทรัมป์? ออกเหรียญคริปโต ‘ทักษิณคอยน์’ ? ถ้าทำจริงก็คงเละ เพราะเครดิตทักษิณเทียบทรัมป์ไม่ได้เลย”
เขาชี้ว่านี่เป็นเพียง “นโยบายขายฝัน” ที่หวังคะแนนนิยม แต่ทิ้งแผลไว้ให้ประเทศต้องตามเก็บเยียวยาในภายหลัง
ฝ่ายค้านแบ่ง 3 ชุดล้อม ‘อิ๊งค์’ : ชี้เป้า-เชื่อมพ่อ-สาวถึงทีม
อาจารย์พิชาย เชื่อว่าฝ่ายค้านเตรียมแผนไว้ 3 ระดับ
- เจาะตรงนายกฯ ต้องให้ตอบเอง
- เชื่อมโยงนายกฯ กับทักษิณ
- ลากไปถึง รมต. และผู้ใต้บังคับบัญชา
“ประเด็นไหนที่บีบนายกฯ ต้องตอบเอง คือเรื่องของตัวเองและเกี่ยวพันกับทักษิณ เรื่องพวกนี้จะถูกเปลือยออกมาในสภาฯ ฝ่ายค้านคงต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการอภิปรายฯ เพื่อยิงหมัดตรงถึงแพทองธาร”
องครักษ์พิทักษ์ใคร?
ต่อกรณี “18 องครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับ” ของเพื่อไทย อาจารย์พิชาย มองว่าเป็นแค่ “ฉากบังหน้า” “พูดว่า ‘พิทักษ์ข้อบังคับ’ ดูดี แต่จริง ๆ คือพิทักษ์แพทองธารและทักษิณต่างหาก” เขาชี้ว่าหน้าที่พิทักษ์ข้อบังคับคือประธานสภา ไม่ใช่หน้าที่ของ ส.ส. พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า… “ประธานสภาฯ ก็เริ่มถูกมองว่าเอนเอียง ปกป้องบางคนมากกว่าทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดข้อโต้เถียงกับฝ่ายค้าน และสุดท้ายประธานสภาฯ จะถูกวิจารณ์อย่างหนัก”
อภิปรายตีห้า ไม่ใช่ประสิทธิภาพ แต่คือการทำลายสภามนุษย์
อาจารย์พิชาย ยังวิจารณ์การบีบเวลาอภิปรายให้จบภายใน 2 วันว่า เป็น “มายาภาพของประสิทธิภาพ”
“เหมือนเห็นสภาฯ เป็นเครื่องจักร ไม่ใช่มนุษย์…ถ้ามีใครหัวใจวาย เป็นลมขึ้นมา ใครรับผิดชอบ? …นี่คือการยึดเอาผลทางการเมืองเป็นเป้าหมายหลัก โดยไม่แยแสประชาชนหรือผู้ร่วมงาน ขณะที่นายกฯ มีเวิร์คไลฟ์บาลานซ์ ในเวลาทำงานเพื่อประชาชน แต่เพื่อปกป้องตัวเองไม่สนสุขภาพใครเลย และเป็นการกีดกันประชาชนทางอ้อมในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร บีบให้ต้องอภิปรายต่อเนื่องแบบข้ามวันข้ามคืน เป็นแนวคิดแบบอำนาจนิยม”
เวทีนี้จะพิสูจน์ ‘อิ๊งค์’ ว่าเป็นผู้นำ หรือ ‘ตัวโจ๊ก’
อาจารย์พิชาย ทิ้งท้ายอย่างร้อนแรงว่า นี่คือเวทีจริงที่จะวัดว่าแพทองธารจะ “ยืนระยะ” ในตำแหน่งนายกฯ ได้หรือไม่ “เธออาจเมคโจ๊ก… หรือเละเป็นโจ๊ก… หรือกลายเป็น ‘ตัวโจ๊ก’ เสียเอง ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นวิสัยทัศน์หรือภาวะผู้นำในตัวเธอเลย หลังการอภิปรายฯ จึงเชื่อว่าสภาพแพทองธารจะตกที่นั่งลำบากมากขึ้น” เขาคาดการณ์ว่า หลังอภิปรายครั้งนี้ แพทองธารอาจอยู่ต่อได้เพียง “ระยะหนึ่ง” ก่อนนำไปสู่การยุบสภา
“สิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า เราอาจได้เห็นสภาถูกยุบอีกครั้ง…”