เป็นที่สังเกตุว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เหยื่อผู้ถูกกระทำในกรณีต่างๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นเพราะการบังคับใช้กฎหมาย หรือศีลธรรมในบ้านเราทำงานได้ผล นั่นเป็นเพราะเหล่านักร้องเรียน นักเคลื่อนไหวจิตอาสา และเหล่าทนายประชาชนต่างโลว์โพรไฟล์ตัวเอง ไม่นำเหยื่อออกมาร้องเรียนแย่งพื้นที่สื่อฯ เหมือนก่อนหน้านี้
จากภาพเดิมที่เป็นพระเอก นางเอกในหนัง ละคร คุณธรรม ออกหน้าช่วยเหลือเหยื่อผู้ถูกกระทำจากคดีอาชญกรรม หรือผู้มีอำนาจเหนือกว่าโดยไม่หวั่นเกรงภัยอันตราย ตอนนี้ภาพนั้นถูกทำลายด้วยการกระทำของบางคน เมื่อถูกแฉ ถูกสาวไส้ ถูกดำเนินคดีกันกราวรูด ทั้งกรณีเป็นนายหน้าเร่ซื้อ-ขายตำแหน่ง อ้างหลักฐานเท็จเรียกเรตติง ที่หนักคือทำให้สังคมรู้เบื้องหลังว่าแต่ละการช่วยเหลือเหยื่อ บางรายเรียกเก็บค่าบริการ 20% บางคนใช้เหยื่อเป็นเบี้ยเพื่อตบทรัพย์จากคู่กรณี ทำให้ผู้ที่ทำงานเพื่อสังคม เพื่อเหยื่อ ด้วยจิตบริสุทธิ์ถูกมองไปในแง่ลบตามไปด้วย
เมื่อหน่วยงานรัฐมีระเบียบและขั้นตอนหยุมหยิม ไม่ทันการณ์พึ่งพาไม่ได้ เหล่านักร้องเรียน ทนายอาสา อาจต้องจ่ายค่าบริการ ค่าแถลงข่าว จิปาถะ และกำลังโลว์โพรไฟล์ ทุกข์ของเหยื่อใครจะสนใจ เหยื่อจะหันหน้าไปพึ่งใคร
คำถามจึงอยู่ที่หน่วยงานรัฐที่ควรทำหน้าที่นี้ จะปรับอย่างไรให้เป็นที่พึ่งของประชาชน ซึ่งในระยะอันใกล้คงหวังได้ยาก ทำให้เหยื่ออาจมองมุมใหม่อาจต้องเดินหน้าเข้าไปหาสื่อฯ เสนอตัวเองให้เป็นข่าว เพื่อให้หน่วยงานรัฐสนใจ และเร่งแก้ไขปัญหาแทนพึ่งนักร้องเรียน ทนายอาสานำพาไป
และเมื่อสื่อมวลชนทำหน้าที่นี้ ก็ต้องเตือนต้นสังกัดกันไว้ก่อนว่า ระวังเหลือบ ริ้น ไร ที่แฝงตัวอยู่ให้ดี เพราะทันทีที่มีช่องว่างให้หาประโยชน์ พวกนี้จะโผกระโจนเข้าสูบเลือดเหยื่อ ซ้ำเติมชะตากรรมลงไปอีก และนี่ไม่เพียงทำให้สื่อฯ เสียชื่อเสื่อมเสียทั้งวงการแล้ว มันจะเกิดวิกฤตศรัทธาทั้งระบบ และตอนนี้ไม่รู้ว่า รายการดัง สถานีใหญ่ มีเหลือบ ริ้น ไร คอยสูบเลือดผู้เสียหายหรือเปล่า
หากเป็นเช่นนั้น เมื่อเหยื่อไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร สุดท้ายบางคนอาจทำใจก้มหน้ารับชะตากรรมได้ แต่บางคนอาจทำบางอย่างเพื่อตอบโต้สังคม ก่ออาชญากรรมซ้อนอาชญากรรม ซึ่งเราเคยมีบทเรียนเช่นนี้มาแล้ว และไม่มีใครอยากให้ไปถึงจุดนั้นอีก
บทความโดย อนันต์ จารุนันทภาคย์