โดย The Publisher
“เราจะซื้อหนี้เสียออกจากระบบ ล้างเครดิตบูโร
ให้เอกชนซื้อ รัฐบาลไม่ต้องเสียสักบาท”
– ทักษิณ ชินวัตร—ปราศรัย จ.พิษณุโลก 17 มี.ค.68)
“เราจะช่วยเฉพาะคนที่หลุดระบบจริง ๆ
ไม่ใช่ทุกคน ไม่ใช่การล้างหนี้ให้หมดประเทศ”
– พิชัย ชุณหวชิร—ชี้แจงในสภาฯ 25 มี.ค.68
คำพูดสองประโยค
ห่างกันแค่สัปดาห์เศษ
แต่พา “นโยบายเดียวกัน” วิ่งคนละทาง
จากขายฝัน…สู่ความจริง
ทักษิณเคยประกาศไว้ชัดเจนในการปราศรัยกับคนเสื้อแดงที่ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ว่าแผนซื้อหนี้ NPL คือ…
- ซื้อหนี้เสีย “ทั้งหมด” ออกจากระบบธนาคาร
- ล้างเครดิตบูโรให้ประชาชน
- ให้เอกชนเข้ามาจัดการ
- รัฐบาลไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
แต่เมื่อแผนนี้เริ่มถูกขับเคลื่อนโดยพิชัยในฐานะรัฐมนตรีคลัง
มันกลับกลายเป็นว่า…
- เลือกซื้อ “เฉพาะบางกลุ่ม” (ไม่มีหลักทรัพย์, หลุดระบบ)
- ใช้เงินของรัฐผ่านธนาคารออมสิน (เริ่ม 4,000 ล้านบาท)
- ไม่มีเอกชนมารับบริหาร
- จากรัฐไม่ต้องจ่ายสักบาท…เป็นต้องจ่ายทุกบาท!
จากช่วยเหลือ…กลายเป็นกวักมือทำหนี้เสีย?
พิชัยยืนยันว่า แผนนี้ไม่ใช่การล้างหนี้ แต่คือการช่วย “คนที่ไม่มีทางเลือก”
ทว่า…
- แผนนี้จะกลายเป็นแรงจูงใจให้ “เลิกจ่าย” แล้วรอรัฐช่วยหรือไม่?
- คนที่เคยกัดฟันจ่ายหนี้ กลายเป็นคนโง่ในระบบ?
- รัฐไทยกำลังส่งสัญญาณว่า “เหนื่อยทำไม เดี๋ยวรัฐก็ล้างหนี้ให้” ?
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการเงิน
แต่มันคือ วินัยในการชำระหนี้…และความยุติธรรมต่อคนเสียภาษี
หนี้เดิมยังไม่ไหว…รัฐให้ก่อหนี้ใหม่?
หัวใจของแผนนี้คือ “ซื้อหนี้เก่า เพื่อเปิดโอกาสกู้ใหม่”
แต่คำถามคือ
- ลูกหนี้ที่เคยเป็น NPL จะพร้อมกู้ใหม่จริงหรือ? ที่สำคัญธนาคารจะกล้าให้กู้หรือเปล่า?
- ถ้าเขาไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมหนี้เลย…จะกลายเป็น NPL อีกรอบไหม?
เพราะเรากำลังพูดถึงหนี้ที่ “เกือบทั้งหมด” คือ หนี้บัตรเครดิต
ซึ่งไม่ได้เกิดจากการลงทุน แต่อาจมาจาก การใช้จ่ายเกินตัว
ใช้เงินภาษีทั้งประเทศ…เพื่อปลดหนี้ให้บางคน?
พิชัยยืนยันว่าใช้เงินรัฐ “แค่ 4,000 ล้าน” ในระยะแรก
แต่แผนรวมของรัฐบาลต้องการช่วยถึง 3 ล้านราย
มูลหนี้รวม 1.2 แสนล้านบาท
คำถามคือ
เรากำลังจะเอาเงินภาษีจากหยาดเหงื่อคนไทย…ไปปลดหนี้ให้คนที่ก่อหนี้เกินตัวใช่ไหม? เป็นธรรมกับผู้เสียภาษีหรือเปล่า? การช่วยเหลือแบบขยักขย่อนแบ่งเป็นเฟส ๆ (อีกแล้ว) คืออีกหนึ่งนโยบายตกเขียวประชาชน เพื่อคะแนนเสียงทางการเมืองหรือไม่?
เราจะวนเวียนอยู่กับนโยบายแบบนี้อีกนานแค่ไหน?
ไหนล่ะ…กลไกตรวจสอบความสามารถในการก่อหนี้ ก่อนเปิดทางให้กู้ใหม่
ไหนล่ะ…นโยบายลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้นอกจากการแจก
ไหนล่ะ…การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
ไหนล่ะ…แผนรับมือกำแพงภาษีทรัมป์ ที่ไทยเสี่ยงโดนแน่ เพราะติดท็อปเทนเกินดุลสหรัฐ
หรือสุดท้าย…เราจะอยู่ในประเทศที่ให้ “รางวัลคนผิดวินัย ได้เริ่มใหม่โดยไม่ต้องรับผิดชอบ” อยู่ร่ำไป?
⸻