แม้นอร์ทกรุงเทพโพล จะเปิดผลสำรวจ นายกฯ-รัฐบาล ผ่านศึกซักฟอก ฝ่ายค้านไม่สามารถลอกคราบได้ เพราะข้อมูลไม่แน่นพอ แต่ดูเหมือนว่า…ผลโพลนี้จะไม่ตรงกับความรู้สึกของเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของ “ปลาหมอคางดำ”
นายปัญญา โตกทอง แกนนำเกษตรกรผู้เลี้ยงปลา จ.สมุทรสงคราม กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ให้คะแนนการชี้แจงของนายกรัฐมนตรีเพียง “10 เต็ม 100” เท่านั้น พร้อมระบุว่า แม้จะรู้สึกพอใจในระดับหนึ่งที่ ส.ส.ณัฐชา อินไชยสวัสดิ์ จากพรรคประชาชน หยิบยกปัญหาการระบาดของ ปลาหมอคางดำ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรกรใน 76 อำเภอ จาก 19 จังหวัด เข้าสู่การอภิปราย แต่สิ่งที่ยังขาดคือ “ความจริงใจ” และ “ความเอาจริงเอาจัง” ของรัฐในการตามหาความจริงและตรวจสอบบริษัทเอกชนที่ลักลอบนำเข้าปลาหมอดังกล่าว
เขายังตั้งคำถามว่า ทำไมรัฐบาลไม่ใช้ผลการศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการที่ใช้เวลาศึกษานานกว่า 2 เดือน รวมถึงรายงานสิทธิชุมชนปี 2561 ที่ชี้ชัดถึงการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ มาประกอบการสอบสวนหาความจริง “ถ้าบริษัทอ้างว่าทำลายหมดแล้ว รัฐเองก็ตรวจไม่พบ แล้วจะกลัวอะไรถ้าทุกฝ่ายบริสุทธิ์ใจ ทำไมไม่ตั้งกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง?”
ถล่มมาตรการรัฐ “คิดแทน-ใช้งบแพง-สร้างฐานเสียง” แทนจะแก้ปัญหาจริง
นายปัญญา ยังวิจารณ์มาตรการของภาครัฐในการจัดการปัญหาปลาหมอคางดำว่า “ล้มเหลว” พร้อมชี้ว่า
- งบ 98 ล้านบาท ที่รัฐจัดสรรมาใช้ แบ่งเป็น
- ซื้อปลาหมอคางดำ 3 ล้านกิโลกรัม ใช้งบ 60 ล้าน แต่ไม่พอบรรเทาความเดือดร้อน
- สนับสนุนกากชา 35,000 กิโลกรัม ใช้เงิน 10.5 ล้าน หรือกิโลละ 30 บาท ทั้งที่ชาวบ้านซื้อจริงแค่ 23 บาท
- ปลากะพง 300,000 ตัว ใช้งบ 3 ล้าน แต่ราคาต่อหน่วยสูงผิดปกติ
- น้ำหมัก ใช้งบ 22 ล้าน ทั้งที่ชาวบ้านสงสัยว่าใครได้ประโยชน์จากการนำไปใช้
- เครื่องมือกำจัด ใช้เพียง 3 ล้าน ซึ่งไม่พอกับจำนวนเกษตรกรใน 19 จังหวัด
เขาตั้งข้อสังเกตว่า การจัดสรรงบฯ อาจไม่โปร่งใส และถูกใช้เพื่อสร้างฐานเสียงให้กับพรรคการเมืองหรือบริษัทเอกชนที่ร่วมโครงการ CSR
ทิ้งท้ายด้วยคำถามแรง: ทำไมไม่ประกาศเขตภัยพิบัติ?
ปัญญายังตั้งคำถามสำคัญถึงรัฐบาลว่า ทำไมไม่ประกาศให้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำเป็น “เขตภัยพิบัติ” ทั้งที่มีประชาชนเดือดร้อนจำนวนมากทั่ว 76 อำเภอ ใน 19 จังหวัด “หรือว่ารัฐกลัวอะไร?”
ศึกอภิปรายจบลง แต่เสียงสะท้อนจากชาวบ้านยังดังก้อง—ไม่ใช่แค่ต้องการคำตอบ แต่ต้องการ ความรับผิดชอบ.