ในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ รมช.คลัง เผ่าภูมิ โรจนสกุล โต้กลับฝ่ายค้านอย่างมั่นใจด้วยตัวเลขเศรษฐกิจโต — ไตรมาสแรก 1.7%, ไตรมาสสอง 2.3%, ไตรมาสสาม 3.0% และไตรมาสสี่ 3.2% พร้อมดัชนีการลงทุนที่สูงขึ้น เขาย้ำว่าเป็น “หลักฐานวิทยาศาสตร์” ที่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยกำลังดีขึ้น
แต่เมื่อมองให้ลึกกว่านั้น ดร.สมชัย จิตสุชน ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง จาก TDRI ชี้ผ่านรายการ เที่ยงเปรี้ยงปร้าง ว่า ภาพที่ดูดีนั้น “เป็นแค่บางส่วนที่เลือกมอง ศิริกัญญาก็พูดถูก ดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจจริง ส่วนรมช.คลังก็พูดถูกในส่วนที่เลือกตัวเลขมาสนับสนุน”
สิ่งที่หายไป: การเตรียมตัวสู่อนาคต
ดร.สมชัยตั้งคำถามใหญ่ต่อรัฐบาลว่า แล้วประเทศไทยกำลัง “เตรียมพร้อม” อะไรอยู่หรือไม่? การเติบโตวันนี้อาจไม่แปลว่าจะแข่งขันได้ในวันพรุ่งนี้
“การลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ต้องดูว่ามันเป็นศูนย์เหรียญหรือไม่ ไทยได้ประโยชน์แค่ไหน และเป็นอุตสาหกรรมเก่าหรือใหม่?”
เขาย้ำว่า นโยบายเรือธงอย่าง ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ และ ‘กาสิโน’ ไม่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่ช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และอาจสร้างผลเสียในระยะยาวด้วยซ้ำ
“แจกเงินดิจิทัลไม่ได้ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน กาสิโนไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ…ดีไม่ดีทำลายด้วยซ้ำ เพราะคนติดการพนัน ทำงานไม่ได้ ปัญหาหนี้สินจะตามมาอีก”
ซื้อหนี้ = แก้หนี้ หรือสร้างหนี้ซ้ำ?
กรณีรัฐบาลประกาศแผนซื้อหนี้ NPL ของประชาชน ด้วยการเริ่มต้นจากเงินธนาคารออมสิน 4 พันล้านบาท — ดร.สมชัยชี้ว่า หลักการนี้ไม่ต่างจากใช้เงินภาษี แม้จะอ้างว่าไม่แตะงบประมาณ
“สุดท้ายรัฐบาลต้องควักเงินอยู่ดี ต่างจากสิ่งที่ทักษิณเคยสัญญาไว้ว่าไม่ใช้เงินรัฐแม้แต่บาทเดียว”
ที่น่าห่วงกว่าคือผลกระทบเชิงวินัยการเงินในระดับรากหญ้า ที่อาจมองเห็นว่า “รัฐจะล้างหนี้ให้เสมอ” จนไม่จำเป็นต้องรักษาวินัยการใช้จ่าย
“หนี้ล้างแล้วก็กู้ใหม่ กลายเป็นหนี้เสียอีกรอบ วนลูปไม่รู้จบ”
คำแนะนำสุดท้าย: เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย อย่าเล่นเกมคะแนนนิยม
ดร.สมชัยเตือนว่า รัฐบาลควรหันมาทำนโยบายที่ “ยกระดับ” ประเทศในระยะยาว เช่น เพิ่มทักษะแรงงาน หรือสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน มากกว่าการหว่านเงินหรือเปิดกาสิโนเพื่อหวังผลกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเร่งด่วน หากยังวนเวียนอยู่กับนโยบายระยะสั้น การแจกเงินที่ไม่คุ้มค่า หรือการแก้หนี้แบบฉาบฉวย สุดท้ายปัญหาจะกลายเป็นดินพอกหางหมูที่ทำให้แก้ยากขึ้น
”การล้างหนี้ให้กู้เพิ่มแม้ทำได้แต่ต้องดูว่าจะบริหารจัดการหนี้อย่างไร เพราะบางคนอาจเป็นหนี้ใช้จ่ายเกินตัว และไม่มีรายได้ เมื่อให้เขากู้ใหม่ มีอะไรเป็นหลักประกันว่าเขาจะมีความสามารถในการชำระหนี้ ที่จะทำให้ไม่กลายเป็นหนี้เสียในอนาคต หากไม่มีการวางระบบคัดกรองเหล่านี้ จะวนอยู่ในวงจรหนี้ เป็นหนี้รัฐบาลล้างหนี้ กู้ใหม่ หนี้เสีย รัฐบาลล้างหนี้ วนลูปแบบไม่จบไม่สิ้น ล้างหนี้ เพิ่มหนี้ สร้างหนี้ ทางที่ดีควรเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ที่ต้องทำอย่างจริงจัง แต่รัฐบาลยังไม่มีนโยบายด้านนี้ออกมา”