นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน ที่หยิบยกประเด็นที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โอนหุ้นให้กับครอบครัวโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน และไม่เสียภาษี ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา วันนี้ยังตามขยี้ต่อโดยบอกตามกฎหมายแบบตรงไปตรงมา หากเจ้าของกิจการที่เป็นพ่อแม่ ต้องการโอนหุ้นของบริษัทให้กับลูก ส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท ลูกที่เป็นผู้รับ จะต้องจ่าย “ภาษีการรับให้” ในอัตรา 5%
เขายังระบุ การที่ใช้กลวิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว PN ที่ไม่มีกำหนดการชำระเงิน ไม่มีดอกเบี้ย ให้พ่อแม่ โดยอ้างว่าไม่ใช่การรับให้ แต่เป็นการซื้อหุ้นแบบซื้อเชื่อ ที่ไม่มีกำหนดว่าจะจ่ายเงินกันเมื่อไหร่ ช่องว่างทางกฎหมายที่เรียกว่า “แพทองธารโมเดล” นี้ จำเป็นต้องมีการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการและเป็นลายลักษณ์อักษรจากกรมสรรพากรอย่างเร่งด่วน เพราะถ้าแพรทองธารโมเดลถูกกฎหมาย ประชาชนที่กำลังจะโอนหุ้น โอนทรัพย์สิน โอนที่ดินให้กับลูก ลูกที่เป็นผู้รับให้ จะได้ใช้วิธีการนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี อาจทำให้กรมสรรพากร ไม่สามารถจัดเก็บภาษีการรับให้ได้อีกเลย
นายวิโรจน์ยืนยัน แพทองธารโมเดล เป็นช่องว่างทางกฎหมาย ก็เพราะว่า หลายคนที่บอกว่า ใครๆเขาก็ทำกัน แต่เราไม่แปลกใจเหรอครับว่า คนที่เขาทำแบบนี้กันไม่มีคนกล้าแสดงตัวเลย และการใช้ตั๋ว PN เพื่อเปลี่ยน จากการรับให้ ให้เป็นการซื้อหุ้น โดยที่ไม่มีกำหนดการจ่ายเงิน ไม่มีดอกเบี้ย แบบนี้ ทำให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีการรับให้ได้ ยิ่งทำมากเท่าไหร่ ประเทศชาติมีแต่เสียผลประโยชน์
“อะไรที่เป็นช่องว่างทางกฎหมาย ที่มีผู้แสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรม คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี หากพบช่องว่างสิ่งที่ควรทำคือเร่งรัดออกกฎหมาย หรือหามาตรการปิดช่องว่างทางกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมต่อประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียแก่รัฐ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีใช้ช่องว่างทางกฎหมายนั้น ในการตักตวงหาผลประโยชน์เสียเอง” นายวิโรจน์กล่าวตอนท้าย