“ผมคิดว่าทั้ง คุณภูมิธรรมและพ.ต.อ. ทวี รอด…ไม่ได้ชี้นำศาลนะ แต่ดูจากรูปการณ์มันยังไกล…แต่ถ้ามีการร้องนายกฯ ผมว่าใกล้ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาเลี่ยงภาษี แต่…ใครจะร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ” —เป็นบทสรุปชวนคิดจาก รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ที่กล่าวไว้ระหว่างสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” เขาวิเคราะห์ว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง กรณีสว.92 คน ยื่นถอดถอน “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.กลาโหมกับ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ข้อหาขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จากการใช้ดีเอสไอแทรกแซงการตรวจสอบการเลือกสว. นั้นเกิดจากการที่ สว. “เอาคืน” เป็นความพยายามสู้สุดฤทธิ์เพื่อ “เอาตัวรอด” เพราะเกมนี้ไม่ใช่ผลกระทบทางการเมือง แต่เดิมพันสูง กระทบถึงตัวหากต้องพ้นจากตำแหน่งสว. ส่วนฝั่งสองรัฐมนตรีที่ถูกร้องก็คง “ร้อนขึ้น” และ “คดี” น่าจะเร่งขึ้นด้วย
“ร้อนขึ้นครับ และคดีจะเดินเร็วขึ้น เพื่อนำข้อมูลมาชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ดำเนินการด้วยพยานหลักฐาน ไม่ใช่กลั่นแกล้ง ควบคู่ไปกับเป้าหมายพรรคเพื่อไทยที่ไม่ต้องการให้อำนาจในสภาสูงอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แต่เป้าหมายของฝั่งเพื่อไทย อาจไม่ใช่เรื่องของประเทศชาติ…แต่ทำเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองมากกว่า”
สว.กับอำนาจตั้งองค์กรอิสระ…ที่ฝ่ายการเมืองอยากควบคุม
เขาชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของสว. ในสายตาของฝ่ายการเมือง เนื่องจากมีอำนาจในการตั้งกรรมการในองค์กรอิสระ “ที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่พวกเดียวกัน สว.ก็ลงมติไม่รับรอง เพื่อไทยอาจมองว่าอันตรายเกินไปที่จะปล่อยให้กลไกนี้อยู่นอกมือตัวเอง เพราะเป็นกลไกที่ชี้เป็นชี้ตายฝ่ายการเมืองได้
” ที่ผ่านมาจะเห็นการลงมติเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากจนผิดปกติ ประชาชนก็ไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนเข้าใจว่าภูมิใจไทยมีแต้มต่อมากกว่า เพราะมีสายสัมพันธ์กับสว. ศึกที่จะพยายามแชร์อำนาจไปจึงไม่น่าจะจบง่าย ๆ”
แม้ในสภาฯ จะเพิ่งผ่านการลงมติไว้วางใจนายกฯ ไปอย่างชื่นมื่น แต่ศึกระหว่าง สว.สายสีน้ำเงินกับพรรคเพื่อไทยยังดำเนินอย่างเข้มข้น ไล่ตั้งแต่การตรวจสอบการฮั้วสว. สว.ย้อนกลับเอาคืน จนถึงส่งศาลรัฐธรรมนูญเอาผิดถอด 2 รมต. ออกจากตำแหน่ง แต่นั่น…อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นหรือคำเตือน…
” เมื่อยื่นถอดรมต.ได้ ก็ยื่นถอดนายกฯ ได้ โดยเฉพาะปมข้อกล่าวหา ใช้ตั๋ว PN เลี่ยงภาษีรับให้ หากมีการยื่นจริง อาจถูกศาลฯ พิจารณาว่าขาดคุณสมบัติได้”
ภูมิธรรม-ทวี รอด แต่ถ้ายื่นนายกฯ มีลุ้นหลุดนายกฯ
สำหรับคำร้องสองรมต.นั้น สมชัยมองว่า น่าจะรอดจากการถูกถอดจากตำแหน่ง ดังจะเห็นได้จากศาลฯ ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากประเด็นยังไกล การปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอเป็นไปตามคำร้องและมีกฎหมายรองรับว่าดำเนินการได้ในฐานฟอกเงินตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.ฯ” แต่ถ้ามีการยื่นร้องคุณแพทองธาร ผมคิดว่ามีลุ้นหลุดตำแหน่งนายกฯ เหมือนกรณีคุณเศรษฐา นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เพื่อไทยยังคงต้องมีสัมพันธ์ที่ดีกับภูมิใจไทยต่อไป”
ใครจะยื่นร้องนายกฯ ต่อศาลรธน.?
สำหรับช่องทางการร้องนายกฯ ให้พ้นตำแหน่งนั้น สามารถทำได้สองทางคือ สส.หรือสว.เข้าชื่อ 1 ใน10 ของจำนวนสมาชิกในสภาฯ ของตัวเอง เช่น สว.ใช้ 20 รายชื่อ ส่วนสส.ใช้ 50 รายชื่อ แต่มั่นใจว่าพรรคประชาชนคงไม่ใช้ช่องทางนี้ เพราะไม่ยอมรับกลไกศาลรัฐธรรมนูญ เขามีจุดยืนไม่อาศัยมือองค์กรอิสระ จะทำภายในสภาฯ ไม่สนใจได้ผลหรือไม่ ไม่เคยคิดใช้กลไกศาลรัฐธรรมนูญ”
ไม่ยอมรับกลไกในรัฐธรรมนูญ แต่เป็น สส.จากกติกาของรธน.
สมชัย เห็นว่า พรรคประชาชนควรปรับวิธีคิดใหม่ แม้ไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเป็นสส.ภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ ก็ควรใช้กลไกที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่ใช่ใช้พลังในสภาฯ เพียงอย่างเดียว ซึ่งสุดท้ายก็จบลงที่พ่ายแพ้ทุกครั้ง ดังนั้นการจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญในส่วนของนายกฯ อาจต้องไปลุ้นที่สว.มากกว่า เว้นแต่พรรคประชาชนจะเปลี่ยนวิธีคิด ซึ่งก็คิดว่าเขาคงไม่ทำ