รองศาสตราจารย์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์บทความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ตั้งข้อสังเกตกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับโอนหุ้นมูลค่ารวมกว่า 4,434 ล้านบาท จากคนในครอบครัวเมื่อปี 2559 โดยใช้วิธีทำ ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note – PN) แบบ ไม่มีดอกเบี้ย และ ไม่กำหนดวันชำระเงิน ซึ่งอาจเข้าข่าย นิติกรรมอำพราง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้จากการรับทรัพย์สิน
จุดเริ่มต้นของข้อสงสัย
น.ส.แพทองธารได้รับโอนหุ้นจาก แม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง และป้า รวมมูลค่ากว่า 4,400 ล้านบาท พร้อมออก PN แสดงยอดหนี้ แต่ไม่มีการกำหนดดอกเบี้ยหรือวันชำระหนี้ ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า เหตุใดในวัยเพียง 30 ปี เธอจึง “อยากซื้อ” หุ้นจากเครือญาติ ทั้งที่ยังไม่มีเงินจ่ายค่าหุ้นเหล่านั้น และใช้วิธี “ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน” แทนการจ่ายเงินจริง
รศ.ดร.เจิมศักดิ์ เชื่อว่าแนวทางนี้เป็นวิธีการ เลี่ยงภาษีเงินได้จากการให้ทรัพย์สิน ซึ่งตามกฎหมาย หากผู้รับโอนเป็นลูก จะได้รับยกเว้นภาษีไม่เกิน 20 ล้านบาท แต่หากเป็นญาติอื่น เช่น พี่ ลุง ป้า มูลค่าที่เกิน 10 ล้านบาทต้องเสียภาษี 5%
“การออก PN ที่ไม่มีดอกเบี้ย ไม่กำหนดวันจ่ายเงิน เป็นวิธีที่ดูเสมือนว่าเป็น ‘การซื้อขาย’ แต่แท้จริงอาจเป็น ‘การให้’ ที่แอบแฝง”
พฤติกรรมที่มีแบบอย่าง?
บทความชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงกับอดีต เมื่อปี 2544 ที่นายทักษิณ ชินวัตร เคยโอนหุ้นไปไว้ในชื่อ คนสวน คนขับรถ คนใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ก่อนที่หุ้นเหล่านั้นจะถูกโอนคืนกลับให้บุตรทั้ง 3 คน
“ในอดีต แพทองธารยังไม่บรรลุนิติภาวะ หุ้นจึงอาจฝากไว้กับแม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง ป้า
พอถึงปี 2559 เมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็มีการโอนหุ้นกลับมาให้… แต่กลับใช้วิธีทำ PN แทนการให้โดยตรง”
คำชี้แจง “นายกฯ” กับ “มาตรฐานจริยธรรม”
น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่าการโอนหุ้นเป็นการซื้อขายตามกฎหมาย และระบุไว้ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. โดยให้สัมภาษณ์ว่า
“เรื่องตั๋ว PN ไม่ใช่เรื่องใหม่… เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ การออก PN จะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใด ๆ”
อย่างไรก็ตาม บทความระบุว่า คำชี้แจงนี้ไม่ได้ลบล้างข้อสงสัยใด ๆ ได้เลย เพราะคำถามสำคัญคือ ความสุจริตและเจตนาที่แท้จริงในการใช้เครื่องมือนิติกรรมเหล่านี้
“หลายสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีทำไม่ได้ เพราะต้องมีมาตรฐานทางจริยธรรมที่สูงกว่า…”
“คำตัดสินอดีต…เงาสะท้อนปัจจุบัน”
รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ย้อนถึงคดีประวัติศาสตร์หมายเลขแดงที่ อม.1/2553 ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษา ยึดทรัพย์นายทักษิณ 46,737 ล้านบาท จากการโอนหุ้นโดยใช้ PN แบบไม่มีการจ่ายเงินจริง พร้อมยกกรณี ข้าราชการกรมสรรพากร ที่เคยถูกจำคุก 2 ปี ฐานช่วยบุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ หลีกเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ป
และยังตั้งข้อสังเกตว่า การที่กรมสรรพากรและ ป.ป.ช. ไม่ดำเนินการใด ๆ ต่อกรณีนี้ อาจเป็นการเปิดช่องให้เกิด “ระบบหลีกเลี่ยงภาษีโดยชอบด้วยกฎหมาย” จนกลายเป็น ภาษีมรดกที่บังคับใช้ไม่ได้ในทางปฏิบัติ
อ่านต้นฉบับบทความได้ที่:
Facebook: รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง