เรียกว่ามาตามนัด และเป็นควันหลงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน บุกไปที่กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เพื่อยื่นหนังสือขอให้วินิจฉัยการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ ตั๋ว P/N ในการซื้อหุ้นของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าได้ใช้ตั๋ว P/N เข้าข่ายการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลบเลี่ยง หรือหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่
เหตุผลสำคัญคือต้องมีการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ และเป็นลายลักษณ์อักษรว่าการซื้อขายครั้งนี้เข้าข่ายการทำนิติกรรมอำพรางหรือไม่ รวมถึงเป็นการเปลี่ยนเจตนาจากการรับให้ เป็นการซื้อขายเพียงแค่รูปแบบ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ 5% ใช่หรือไม่
นายวิโรจน์บอกด้วยว่าประเด็นที่สาธารณะสงสัยคือ ไม่ใช่การซื้อขายกันจริงๆ ใช่หรือไม่ เป็นเพียงการทำธุรกรรมซื้อขายเพียงรูปแบบ เพื่อบดบังเจตนาที่แท้จริง คือการรับให้หุ้นจากครอบครัว โดยหากเป็นการรับให้ ส่วนที่เกิน 20 ล้านบาทจากแม่ก็ต้องเสียภาษี 5% ส่วนที่เกิน 10 ล้านจากบาทพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ ก็ต้องเสียภาษีในอัตรา 5%
“การวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ และลายลักษณ์อักษร จึงมีความสำคัญ เพราะถ้าคุณแพทองธารทำได้ถูกต้องแล้ว ทุกคนทั้งประเทศที่มีความมั่งมีทำแบบคุณแพทองธารทั้งหมด สาธารณะได้ประโยชน์อะไร สังคมได้ประโยชน์อะไร รัฐได้ประโยชน์อะไร สุดท้ายมันจะเป็นผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน” นายวิโรจน์กล่าว
ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่สนที่นายวิโรจน์ไปยื่นกรมสรรพากร ให้ตรวจสอบกรณี ใช้ตั๋ว PN ตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว โดยบอกก็ให้เขาไปยื่น ทราบอยู่แล้วว่าต้องไปยื่น ก็ยื่น ไม่เป็นไร พร้อมย้ำได้ชี้แจงในสภาฯ ว่าทำทุกอย่างถูกต้องอยู่แล้ว
“จะหนีภาษีได้อย่างไร ยังไม่มีการจ่ายตังค์เลย ต้องจ่ายก่อนถึงจะคิดภาษีได้ และภาษีต้องเกิดจากกำไรด้วยซ้ำ อันนี้คือข้อที่ชัดเจนอยู่แล้ว นักวิชาการก็ออกมาพูด แต่ว่าก็นั่นแหละค่ะ” นางสาวแพทองธารกล่าว