“คิดว่าผิวน้ำนิ่ง..แต่ข้างใต้อาจมีกระแสน้ำลึก…เชี่ยวก็ได้ อย่าปรามาสพี่น้องประชาชน บรรยากาศตอนนี้เหมือนปลายยุคทักษิณในปี 48-49” —นายพิชิต ชัยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) เปิดเผยกับ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร “ยังสะท้อนถึงความกังวลของภาคประชาชนเกี่ยวกับ “กาสิโน” ว่า นายกฯ ท่องคาถา เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้เท่ากับกาสิโน มีกาสิโนแค่ 10 % แต่มันเป็น 10 % ที่เป็นหัวใจหลักที่สังคมต้องการคำตอบที่เป็นรูปธรรม คุ้มจริงหรือ? ผลกระทบจะทำอย่างไร? มีอะไรรองรับ? แต่นายกฯ ไปตอบสัดส่วน
จะเก็บภาษีกาสิโน แต่ตัวเองยังเลี่ยงภาษี!
ที่บอกจะเก็บภาษีจากกาสิโนได้กว่าสามพันล้านบาท ก็ต้องถามว่านายกฯ จะห่วงเรื่องภาษีทำไม ในเมื่อทั้งนายกฯ และพ่อคือทักษิณ ก็เลี่ยงภาษีมาโดยตลอด ภาษีที่เกิดจากกาสิโนดูแค่ตัวเลขไม่ได้ต้องดูผลกระทบอื่นด้วย ไม่มีภาษีอื่นให้เก็บแล้วเหรอ นอกจากกาสิโน เคยบอกจะกันไม่ให้คนไทยเล่น แต่ตอนนี้จะดึงนักพนันไทยที่ไปเล่นต่างประเทศมาเล่นในไทย “หลอกประชาชนตั้งแต่ต้นจนจบ”
หยุดกาสิโน…ต้องหยุดรัฐบาล
สำหรับการยกระดับการเคลื่อนไหวชุมนุมนั้น มีการประชุมร่วมกับเครือข่ายฯ ได้ข้อสรุปว่า “จะหยุดกาสิโนได้…ต้องหยุดรัฐบาลแพทองธาร” เท่านั้น จึงต้องยกระดับขับไล่ ส่วนกิจกรรมจะเข้มข้นขนาดไหนจะหารือในสัปดาห์นี้ ภาควิชาการจะรับหน้าที่ขยับประเด็นทางวิชาการให้สังคมรับรู้มากขึ้น และยังมีเครือข่ายผู้นำทางศาสนา สัปดาห์นี้จะมีการยื่นหนังสือกราบทูลไปยังเลขาฯ สมเด็จพระสังฆราช “ศาสนาพุทธ ไม่สนับสนุนอบายมุข จะกราบทูลพระสังฆราชในเรื่องนี้ด้วย”
เดินสายบี้จุดยืนพรรคการเมือง-ลุยสอบสามีนายกฯ
นอกจากนี้จะมีการเดินสายไปพบตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรค เพื่อสอบถามจุดยืนว่าเห็นด้วยกับกาสิโนหรือไม่? เพราะสุดท้ายแม้ผ่าน ครม.แล้วก็ต้องไปจบที่สภาฯ อยู่ดี จึงต้องการโน้มน้าวให้พรรคการเมืองคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ “จำนวนเสียงสส.ในสภาฯ มีความจำเป็น จะไปขอจุดยืนที่ชัดเจน โดยเฉพาะพรรคประชาชาติ ที่ชัดเจนเรื่องพี่น้องชาวมุสลิม จะปล่อยให้เกิดนโยบายที่ขัดหลักศาสนาหรือไม่ และจะไปพรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้านให้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนด้วย”
รัฐบาลเสียงแข็งไม่ฟัง ปชช. ระวังพังในการเลือกตั้งครั้งหน้า
แม้ไม่มีความหวังมากนักต่อพรรคการเมือง แต่พิชิต เห็นว่า จำเป็นที่ภาคประชาชนต้องสร้างการมีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองให้ได้ ให้เกิดการจับมือกัน กระแสต้านกาสิโนเริ่มแรงขึ้น ภาคเอกชนก็เริ่มแสดงความเห็นอย่างนายกสมาคมท่องเที่ยวภูเก็ต ก็บอกเห็นด้วยเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่ถ้าจะมีกาสิโนต้องรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ ก่อน “ภาคท่องเที่ยว เศรษฐกิจ ประชาชน เสียงแข็งไม่เห็นด้วยกับกาสิโน ทำไมนายกฯ ไม่รับฟัง? ถ้ายังดึงดันจะมีผลสะท้อนต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน และบางทีรัฐบาลอาจอยู่ไม่ครบวาระด้วยซ้ำ จากพฤติการณ์หลายอย่างที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นชั้น 14 ป่วยทิพย์ หรือ ตั๋ว PN ส่องเลี่ยงภาษีของนายกฯ
รัฐบาลอาจไปก่อน…ดันกาสิโนสำเร็จ
” อายุรัฐบาลอาจไม่ครบวาระ มีเรื่องที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญสองสามเรื่อง นิติกรรมอำพรางภาษี สามีไม่แสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน มีอุบัติเหตุระหว่างทางอยู่ กาสิโนอาจสะดุดเพราะรัฐบาลไปต่อไม่ได้ก่อนผลักดันสำเร็จก็ได้ “พิชิตกล่าว พร้อมย้ำอย่างหนักแน่นว่า การขับเคลื่อนของภาคประชาชนจะเป็นไปอย่างเข้มข้น ฝ่ายกฎหมายกำลังร่างคำร้องที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องสามีนายกฯ ที่สังคมคาใจ แต่นายกฯ บอกเป็นเรื่องอ่อนไหว มันอ่อนไหวเฉพาะนายกฯ สังคมต้องการคำตอบ ส่วนนิติกรรมอำพรางภาษีพรรคประชาชนควรดำเนินการ
ชั้น 14 ตัวชี้วัด ดี-ไม่ดี ก็เสี่ยงพังทั้งรัฐบาล
การเคลื่อนขบวนของภาคประชาชนจะทำแบบคู่ขนานทั้งการยกระดับการชุมนุมไปสู่การขับไล่ การใช้ช่องทางตรวจสอบตามกลไกที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ และจะติดตามเรื่องชั้น 14 อย่างใกล้ชิด เพราะจะมีการประชุมแพทยสภาเพื่อสรุปเรื่องจรรยาบรรณแพทย์ในวันที่ 10 เมษายนนี้แล้ว “ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรทั้งดีหรือไม่ดีล้วนเป็นแรงกระทบต่อรัฐบาลทั้งสิ้น เพราะสังคมเห็นแล้วว่า ทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤต ถ้าแพทยสภาอุ้ม ป.ป.ช.อุ้ม จะย้อนกลับไปเหมือนปี 49 ที่องค์กรอิสระอุ้มระบอบทักษิณ ทำให้ประชาชนลงถนนมากขึ้น จะเป็นแรงผลักดันมุมกลับว่าทำไมใช้ทุกกระบวนการไปรองรับคน ๆ หนึ่งโดยไม่สนว่าระบบนิติรัฐ นิติธรรมจะพัง”
อุณหภูมิประชาชนร้อนไม่ต่างจากปลายยุค “ทักษิณ”
พิชิต มองว่า ภายใต้การบริหารเพียง 7 เดือนของรัฐบาลแพทองธาร กลับทำให้เขาคิดไปถึงการบริหารของ “ทักษิณ ชินวัตร” บิดาของเธอ เพราะเห็นภาพทุกองคาพยพพยายามปกป้องไม่ต่างกับในช่วงที่ทักษิณเป็นนายกฯ ตอนนั้นคนมองทักษิณเป็นอัศวินขี่ม้าขาว ยอมหลับตากันไปข้างหนึ่ง แต่แพทองธารไม่ได้มีความสามารถเท่าพ่อ บริหารประเทศไม่ได้ พรรคการเมืองที่บอกไม่เอาระบอบทักษิณเดิม โหวตสนับสนุน เป็นเรื่องที่พี่น้องที่เคยต่อสู้กันมาตั้งคำถามกับพรรคการเมืองเหล่านั้น อุณหภูมิความไม่พอใจรัฐและฝ่ายการเมืองทวีความรุนแรงขึ้น ยังซ้ำด้วยเรื่องกาสิโน ไม่แสดงบัญชีทรัพย์สินของสามีนายกฯ นายกฯส่อเลี่ยงภาษี อุณหภูมิคล้ายปี 2548 และ 2549
“อย่าดูถูกพลังมวลชน ปี 48-49 คุณก็พูดอย่างนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็พูดอย่างนี้ ดูถูกว่าอ่อนแอ เหนื่อยล้า แต่ถ้าปิดกั้นมาก พี่น้องอึดอัด เขาจะทิ้งโลกโซเชียลลงสู่ท้องถนนเอง รัฐอย่ามองแค่ผิวน้ำ คิดว่าผิวน้ำนิ่ง ใต้ผิวน้ำอาจมีกระแสน้ำลึก เชี่ยวก็ได้ อย่าปรามาสกระแสน้ำของพี่น้องประชาชน”