โลกออนไลน์เดือด หลังเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ตามมาตราริกเตอร์เมื่อบ่ายวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา แต่แรงสั่นสะเทือนก็รับรู้ได้ถึงกรุงเทพฯและปริมณฑล หนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนใจคืออาคารของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) บนถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร ที่เกิดถล่มจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
แม้ทาง สตง. จะรีบโพสต์แสดงความเสียใจ พร้อมระบุว่ากำลังประสานความช่วยเหลือและตรวจสอบสาเหตุอย่างเร่งด่วน แต่ข้อความขอโทษกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ เสียงวิจารณ์ถล่มทลาย ชาวเน็ตต่างพากัน “ทัวร์ลง” ตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของอาคาร เช่น
“ตรวจเข้มทุกหน่วยงานจนลืมตรวจตึกตัวเองหรือครับ”
“ปี 58 สตง.เคยมองแค่ ‘ราคาถูก’ ตอนตีกลับงบสร้างตึกของผม วันนี้ตึกของคุณก็ราคาถูกสมใจ…แต่แลกด้วยชีวิตคน”
“อย่าทำตัวเป็นกระดาษทรายที่ขัดเกลาคนอื่น แต่ตัวเองหยาบแสนหยาบ”
“ดีแต่ตรวจชาวบ้าน ภาษีสองพันล้านของตึกตัวเองหายวับไปกับตา”
หลายคนเรียกร้องให้มีการเปิดเผยเอกสารกระบวนการจัดจ้าง กำหนดราคากลาง รายชื่อกรรมการตรวจรับอย่างละเอียด พร้อมขอให้หน่วยงานอย่าง ป.ป.ช. และกรมบัญชีกลาง เข้าตรวจสอบความโปร่งใสทุกขั้นตอนเช่นเดียวกับที่ สตง.ทำกับหน่วยงานอื่นๆ
กสทช.ไม่รอด! แจ้งเตือนภัยล่าช้า – โดนถามกลับ “องค์กรนี้มีไว้ทำไม”
ไม่เพียงแค่ สตง. ที่โดนวิจารณ์หนัก สำนักงาน กสทช. เองก็เจอแรงกระแทกจากโลกโซเชียลอย่างจัง หลังโพสต์แสดงความห่วงใยเหตุแผ่นดินไหว และระบุว่าได้ “กำชับค่ายมือถือดูแลระบบสื่อสาร” ก็ถูกตั้งคำถามทันทีว่า
“แล้ว SMS แจ้งเตือนล่ะ?”
“ส่งหลังแผ่นดินไหวหยุดไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร”
“งบพันล้านพัฒนาระบบแจ้งเตือนหายไปไหน?”
“ใช้ภาษีพวกเรา แต่เตือนภัยช้ากว่าสื่อออนไลน์อีก”
ยิ่งเมื่อมีข้อมูลเปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ทำหนังสือถึง กสทช.ทันทีหลังเกิดเหตุ เพื่อให้ส่ง SMS แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ แต่ กสทช.กลับเงียบ จนกระทั่ง หลังสองทุ่มถึงรุ่งเช้าวันถัดมา ประชาชนจึงเริ่มได้รับข้อความ ทั้งที่สถานการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น…เมื่อย้อนกลับไปพบว่าเพียงเมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา กสทช.เพิ่งอนุมัติงบกว่า 1,000 ล้านบาทให้ค่ายมือถือพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast ที่ควรมีประสิทธิภาพในสถานการณ์เช่นนี้
“สึนามิก็แล้ว น้ำท่วมก็แล้ว แผ่นดินไหวก็ยังไม่เตือนตรงเวลา ต้องรอถึงเมื่อไหร่?”
“มันยากมากหรือกับแค่ ‘ส่งข้อความ’ ให้ประชาชนรู้ว่าต้องหนีหรืออยู่กับที่?”
ทั้งสองหน่วยงานกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากสังคมให้ เปิดเผยข้อมูล ตรวจสอบตัวเอง และแสดงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน ท่ามกลางเสียงสะท้อนของประชาชนที่ตั้งคำถามว่า
“ถ้าองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบและเตือนภัย ยังทำหน้าที่ตัวเองไม่ได้ แล้วจะให้ประชาชนหวังพึ่งใคร?”