”กาสิโนทำหายนะทั้งเศรษฐกิจและสังคม…เปิดประตูรับผีพนัน ทำลายการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เวียดนามห้ามประชาชนเล่น…อินโดนีเซียไม่เอากาสิโน…ปธน. สี จิ้นผิง เตือน นายกฯไทยควรฟังและยกเลิกนโยบายนี้ ไม่มีเศรษฐกิจใดคุ้มค่าถ้าต้องแลกด้วยหายนะและความมั่นคงของประเทศ”
เป็นบทสรุปตรงไปตรงมาจากคำสัมภาษณ์ของ รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรฯ ที่ให้สัมภาษณ์ไว้กับ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร”
อาจารย์ชิดตะวัน เปิดประเด็นอย่างเผ็ดร้อนวิจารณ์นโยบายเปิดกาสิโนของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร พร้อมเตือนว่า “เป็นความคิดที่พาประเทศไปสู่หายนะทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม”
จีนยังไม่กล้า แล้วไทยเป็นใคร?
อ.ชิดตะวันอ้างถึงคำเตือนของ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ต่อแพทองธารในครั้งเยือนจีน ว่าไม่ควรเปิดกาสิโน เพราะจีนเห็นว่ากระทบความมั่นคงของประเทศ “ไม่ว่าจะมีรายได้มหาศาลแค่ไหน ไม่คุ้มกับที่ชาวจีนจะกลายเป็นผีพนันและไม่อาจเทียบได้กับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่จะตามมา แต่นายกฯ ไทยกลับคิดหาเงินเข้ารัฐจากกาสิโน เป็นแนวคิดนำประเทศไปสู่หายนะทางเศรษฐกิจและสังคม จึงควรยกเลิกและหันมาเดินตามรอยจีนที่สำเร็จในการปราบปรามการพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย บ่อนผิดกฎหมาย อย่างจริงจังมาแล้ว”
ไทยแลนด์ เมืองอันตราย! จะเอาแบบนี้จริงหรือ?
แม้เวียดนามจะมีกาสิโนรีสอร์ต แต่รัฐบาลก็ไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้า เว้นแต่ช่วงทดลองในปี 2019 ซึ่งเพิ่งยกเลิกไป ส่วนอินโดนีเซียก็ไม่เคยอนุญาตให้มีบ่อนในประเทศ เพราะรู้ดีว่า “ถ้าผีพนันทั่วโลกไหลเข้าบาหลี จะพังทั้งวัฒนธรรม ประเพณี และสังคม รัฐบาลทั้งสองประเทศนี้รวมถึงจีน มีแนวคิดปกป้องประชาชนจากการพนัน ตรงกันข้ามกับรัฐบาลแพทองธาร “อาจารย์ชิดตะวัน เห็นด้วยกับนายกฯ ที่บอกว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น 5-10 % แต่จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจาก” ผีพนันทั่วโลก “ไทยจะกลายเป็นสวรรค์ของการฟอกเงิน เป็นแดนอันตราย ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน นักท่องเที่ยวคุณภาพจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ การท่องเที่ยวโดยรวมจะได้รับผลกระทบ ยกเว้นธุรกิจกาสิโน เราจะเอาแบบนี้หรือ? ” คนเดินดินธรรมดาไม่ได้ขึ้นรถหรู ไม่มีบอดี้การ์ดอย่างนักการเมือง เขาต้องเสี่ยงชีวิตขนาดไหนกับอาชญากรรมที่ตามมา ทั้งการจี้ ปล้นชิงทรัพย์”
ถ้าไทยมี ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ จะเกิดอะไรขึ้น?
อาจารย์ชิดตะวันเปรียบเทียบว่า ไทยอาจซ้ำรอย ตุรกี ที่เคยหวังจะเป็นมอนติคาโลแห่งที่สอง แต่สุดท้าย…
“ตุรกีต้องยกเลิกกาสิโนทั้งหมด เพราะคุมมาเฟียไม่ได้ เนื่องจากหัวหน้ามาเฟียกลายเป็นนักการเมือง ทหาร และตำรวจ
นักพนันติดหนี้ ถูกฆ่าตาย หรือฆ่าตัวตายทุกวัน สุดท้ายทำได้ 6 ปีประชาชนทนไม่ไหวกับหายนะที่เกิดขึ้นออกมาเรียกร้อง จนรัฐสภาต้องออกกฎหมายยกเลิก ผีพนันตุรกีต้องออกไปเล่นที่ไซปรัส รัฐบาลเขาก็โอเคเพราะไม่ได้เล่นในประเทศ แต่ของเราจะดึงให้ผีพนันที่ไปประเทศเพื่อนบ้านกลับมาเล่นในไทย เพราะต้องการเงินของคนเหล่านั้น”
ขณะที่สิงคโปร์มีระบบตรวจสอบเข้มข้น มีคนเพียง 3% ที่เข้าไปเล่นพนันในกาสิโนสองแห่ง…นายกฯ ไทยบอกมีมาตรการดูแลใครจะเชื่อ…ในเมื่อการบังคับใช้กฎหมายในปัจจุบันยังย่อหย่อน ปล่อยให้มีทั้งพนันออนไลน์ บ่อนเถื่อนและยาเสพติดเต็มเมือง” เวลาอ้างสิงคโปร์ต้องไม่ลืมว่าสิงคโปร์อัตราการคอร์รัปชันต่ำ ปี 67 ความโปร่งใสอยู่ที่อันดับสามของโลก ไทยกับตุรกีอยู่อันดับ 107 ได้แค่ 34 คะแนน ส่วนสิงคโปร์ได้ 84 ห่างกันถึง 50 คะแนน แล้วประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไร?”
กลลวงรายได้…ใบอนุญาต 5 พันล้าน อาจเหลือ 300 ล้าน!
อาจารย์ชิดตะวัน บอกด้วยว่า ร่างกฎหมายกาสิโนที่รัฐบาลผลักดัน ถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและประโยชน์ที่แท้จริง “แม้จะเก็บค่าธรรมเนียมสูงสุดได้ 5 พันล้าน แต่ไม่มีการกำหนดขั้นต่ำแถมมีนักการเมืองบางคนออกมาบอกแล้วว่า อาจจะเก็บแค่ 300 ล้าน เพื่อดึงดูดนักลงทุน! น่าประหลาดใจคุยกับนักลงทุนก่อนกฎหมายออกเสียอีก รัฐบาลคุยกับนักลงทุนแต่ไม่คุยไม่ฟังประชาชน”
ประชาพิจารณ์ลวงโลก – ฉันทามติเทียม
ส่วนที่รัฐบาลอ้างว่า 80% เห็นด้วยผ่านเว็บไซต์กระทรวงการคลังนั้น อาจารย์ชิดตะวัน เห็นว่า… “เป็นประชาพิจารณ์สร้างได้ กโหวตซ้ำได้ ไม่ต้องยืนยันตัวตน ธุรกิจที่ได้ประโยชน์ระดมคนมาโหวตได้ จึงไม่น่าเชื่อถือ”
อีกประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ ในร่างกฎหมายฯ ไม่มีการกำหนดชัดเจนเรื่องภาษี มีภาษีอะไรบ้าง อัตราเท่าไหร่ จะทำให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายในอนาคต เอื้อประโยชน์มหาศาลกับกลุ่มทุน เหมือนที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศรวมถึงไทยด้วย
จับตาภาคประชาชนยื่นศาลรธน.วินิจฉัย กฎหมายขัดรธน.
ท้ายสุด อ.ชิดตะวัน ระบุว่า ภาคประชาชนเตรียมยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะการผลักดันกาสิโน อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ที่กำหนดให้ต้อง “ประเมินผลกระทบและรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน” แต่รัฐบาลไม่ได้ทำแบบนั้น