หลังแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ ที่เมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เขย่ามาถึงกลางกรุง จนตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นแรงสะเทือนระดับ วัดพลังผู้นำ และตั้งคำถามถึงมาตรฐานความปลอดภัย—แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด
เพราะสิ่งที่สั่นแรงยิ่งกว่าแผ่นดินไหว คงเป็น “ความเชื่องช้า” ในการตอบสนองของกรุงเทพมหานครเอง โดยเฉพาะ “ทีมชัชชาติ”
จุดที่ถูกวิจารณ์
1. เปิดสวนสาธารณะให้คนพักแทนการตั้งจุดอพยพที่ปลอดภัยชัดเจน
• ในขณะที่ประชาชนหวาดกลัวและไม่มั่นใจในโครงสร้างที่อยู่อาศัย กทม.กลับเปิดสวนลุมฯ และสวนสาธารณะอื่น ๆ เป็นจุดให้ประชาชนเข้าพัก ทั้งที่ไร้การจัดระบบดูแล และไม่มีการแยกกลุ่มเสี่ยง
2. ศูนย์กีฬาเวสน์ถูกใช้ภายหลัง ทั้งที่ควรเป็นแผนแรก
• ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติชี้ว่า ศูนย์กีฬาใหญ่ เช่น ไทย–ญี่ปุ่น ดินแดง ควรเป็นศูนย์อพยพหลัก เพราะปลอดภัย มีโครงสร้างรองรับ และใกล้พื้นที่ชุมชน แต่กลับถูกใช้ “ภายหลัง” แสดงถึงความไม่พร้อม
3. ไม่มีผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่ชัดเจน
• ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ความชัดเจนของ “ผู้นำ” เป็นสิ่งสำคัญ แต่กลับไม่มีการประกาศโครงสร้างการบัญชาการ หรือผู้รับผิดชอบแต่ละภารกิจ ทำให้ประชาชนสับสน หน่วยกู้ภัยปฏิบัติงานสะเปะสะปะ และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ขาดทิศทาง
4. การสื่อสารล่าช้า ไม่ทันความรู้สึกสังคม
• ขณะที่สื่อโซเชียลรายงานนาทีต่อนาที การสื่อสารจากกรุงเทพมหานครกลับล่าช้า ทำให้เกิดกระแส “ความกลัว” ที่ขยายวง จนทำให้ประชาชนจำนวนมากนอนไม่หลับโดยไม่มีข้อมูลยืนยันว่าโครงสร้างเมืองปลอดภัยหรือไม่
เมื่อ “คนแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” กลับอ่อนแรงในภาวะวิกฤต
ไม่มีใครปฏิเสธว่า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯ ที่เข้าถึงง่าย ขยัน ลงพื้นที่ ไม่กลัวฝนหรือฝุ่น แต่ข้อเท็จจริงคือ ความแข็งแรงทางกาย ไม่ได้แปลว่ามีประสิทธิภาพเชิงระบบ
วิกฤตครั้งนี้ไม่ได้วัดแค่ “ตัวชัชชาติ” แต่วัดทั้ง “ระบบบริหารจัดการภายใต้ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” และคำตอบที่สังคมเริ่มพูดตรงกันคือ…
ชัดแล้ว…ว่าไม่มีระบบ
ชัดแล้ว…ว่าการตัดสินใจยังล่าช้าเกินรับมือวิกฤต
ชัดแล้ว…ว่าภาวะผู้นำ ไม่ได้ล้ำอย่างที่เคยคิด
ชัดแล้ว…ว่าประชาชน ต้องพึ่งพากันเองมากกว่ารัฐ
อย่าให้ภาพดี บดบังการขาดประสิทธิภาพ
การเป็นผู้นำเมืองหลวงของประเทศ ไม่อาจวัดแค่ภาพลักษณ์หรือการวิ่งในสวนได้อีกต่อไป…ในวันที่เกิดวิกฤตจริงๆ สิ่งที่ประชาชนต้องการคือ “แผนที่ชัด ระบบที่แข็งแรง และการตัดสินใจอย่างมืออาชีพ”
และหากเรามองตึกถล่มเป็นสัญลักษณ์ของ “โครงสร้างที่ล้มเหลว” บางที…
เราก็ควรถามคำถามใหญ่กับระบบบริหารของกรุงเทพฯ ด้วยเช่นกัน