ที่สั่นมากกว่าตึก…คือความเชื่อมั่น! แล้วจะผ่านมันไปอย่างไร?
เมื่อเสียงจากใต้ดินเบากว่าเสียงในใจคน
เมื่อเสียงลั่นของตึก…ยังไม่ได้ยิน
แต่เสียงแห่งความหวาดกลัวก้องอยู่ในหัว ดังยิ่งกว่าทุกแรงสั่นสะเทือน
ภัยที่น่ากลัวที่สุด อาจไม่ใช่ภัยพิบัติ
แต่อาจเป็น…ความรู้สึกว่า
“ไม่มีอะไรมั่นคงให้ยึดได้อีกต่อไป”
⸻
เมื่อวานนี้ (31 เม.ย.68) ในกรุงเทพฯ ผู้คนจำนวนมากรู้สึก “ตึกสั่น”
ความรู้สึกนั้นลุกลามไปตามโซเชียลอย่างรวดเร็ว
ทั้งที่หน่วยงานตรวจจับแผ่นดินไหวยืนยันว่า
ไม่มีแรงสั่นสะเทือนในระดับที่ควรจะรู้สึกได้
และแม้จะมีอาฟเตอร์ช็อกเล็ก ๆ จากฝั่งเมียนมา
แต่มันก็เบาจนไม่น่าจะมีผลถึงไทย
คำถามจึงเกิดขึ้นทันทีว่า…
แล้วที่เรารู้สึกสั่น — คืออะไรกันแน่?
บางคนบอกว่าอุปาทาน
บางคนบอกว่าตึกยวบจากลมแรง
แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ
ผู้คนกลัว — และเชื่อว่าอาจเกิดเหตุจริง
⸻
สิ่งที่สั่นมากกว่าตึก…คือใจคน
ความตื่นตระหนกในวันที่ไม่มีภัยพิบัติ อาจไม่ใช่ความกลัวที่ไร้เหตุผล
แต่มันคือ “เสียงเตือนจากความไม่มั่นใจสะสม” ของผู้คนในสังคมนี้
- ไม่มั่นใจว่าตึกจะปลอดภัยจริงไหม
ใครหลายคนไม่เคยรู้เลยว่าตึกที่ตัวเองอยู่นั้น ได้มาตรฐานรับแผ่นดินไหวหรือไม่
เมื่อรู้สึกสั่น ทุกอย่างในหัวจึงกลายเป็นภาพจำลองของความพังทลาย - ไม่มั่นใจว่ารัฐจะแจ้งเตือนได้ทันหรือเปล่า
ประสบการณ์หลายเหตุการณ์ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง…เราจะรู้ช้ากว่าความตายไม่กี่วินาที” - ไม่มั่นใจในระบบโครงสร้างที่ควรปกป้องชีวิต
ไม่มั่นใจ ระบบอพยพ หรือแม้แต่ระบบข่าวสาร
เมื่อไม่มีสิ่งไหนที่รู้สึกว่า “มั่นคงพอให้ยึดไว้ได้”
ความกลัวเล็ก ๆ ก็กลายเป็นความตื่นตระหนก โกลาหล ได้ในพริบตา
⸻
และเมื่อความกลัวมาก่อนข้อมูล…โซเชียลก็ขยายมันให้กว้างขึ้นอีกหลายเท่า
ภาพที่คนจำนวนมากแชร์ว่า “ตึกสั่น”
ข้อความที่ตอกย้ำว่า “เราไม่ได้รู้สึกไปคนเดียว”
มันช่วยเติมเชื้อไฟให้ความไม่มั่นใจกลายเป็น ความตื่นตระหนกระดับหมู่
จนแม้รัฐจะออกมายืนยันว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
คนก็ยังเลือกจะเชื่อ “สิ่งที่ตัวเองรู้สึก” มากกว่า “ข้อมูลที่รัฐบอก”
⸻
แล้วถ้าเกิดแผ่นดินไหวจริง…เราควรทำยังไงกันแน่?
หลายคนคิดว่า “รีบหนีลงบันได” คือทางรอด
แต่จริง ๆ แล้ว — มันอาจเป็นอันตรายที่สุด
สิ่งที่ควรทำคือ:
Drop – Cover – Hold On
หมอบ – ป้องกันตัว – ยึดมั่นอยู่กับที่
• หมอบลงกับพื้นให้เร็ว
• เข้าใต้โต๊ะหรือเฟอร์นิเจอร์ที่แข็งแรง
• ใช้แขนหรือของใช้ป้องกันศีรษะ
• อยู่ห่างจากหน้าต่าง กระจก ของตกหล่น
• ห้ามใช้ลิฟต์
• ห้ามวิ่งหนีตอนตึกกำลังสั่น
เมื่อแรงสั่นหยุด ค่อยอพยพออกจากอาคารโดยใช้บันได
ไปยังพื้นที่โล่ง ปลอดภัย ไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรือต้นไม้ใหญ่
⸻
และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การอพยพก็คือ…
การฟื้นคืน “ความเชื่อมั่น” ให้กลับมาอยู่ในสังคม
เราผ่านเหตุการณ์นี้มาได้โดยไม่มีตึกพัง ไม่มีใครบาดเจ็บ
แต่มันควรเป็นโอกาสที่เราจะตั้งคำถามกับเมืองนี้ว่า…
• ตึกที่เราอยู่ ได้รับการตรวจสอบจริงไหม?
• เรารู้ทางหนีไฟในที่ทำงานหรือไม่?
• รัฐมีระบบเตือนภัยที่เข้าถึงประชาชนทันเวลาจริงหรือเปล่า?
และในระดับลึกกว่านั้น — เราอาจต้องยอมรับว่า
ความหวาดกลัวที่ฝังลึกอยู่ในใจคน…คือภัยเงียบที่ควรฟังให้ชัดไม่แพ้เสียงจากใต้พื้นดิน
⸻
“ตึกอาจไม่สั่น…แต่ใจคนสั่น
และถ้าไม่มีใครฟังเสียงนั้นให้ดี
เราอาจกำลังอยู่ในเมืองที่แข็งแรงเพียงเปลือก
แต่เปราะบางในความมั่นใจของผู้คน”
⸻