กลางเดือนเมษายน 2568 มีรายงานว่า ปธน. สี จิ้นผิง เตรียมลงพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการครั้งแรกของปี โดยเลือกเยือน 3 ประเทศ—เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา—แต่ “ไทย” กลับไม่อยู่ในลิสต์
ทั้งที่ นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” เพิ่งไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
การไม่มาของสี จิ้นผิง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ไม่ใช่เพียงเรื่องตารางแน่น… แต่คือ “สัญญาณทางภูมิรัฐศาสตร์” ที่ควรจับตาอย่างยิ่งว่า มหาอำนาจส่งสายตามองไทยอย่างไร?
⸻
- ไทยเพิ่งไปหา สีจึงยังไม่จำเป็นต้องมา
การเยือนจีนของแพทองธารเมื่อ 9 ก.พ. 2568 เป็นการเปิดฉากความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลใหม่กับปักกิ่งอย่างเร่งรัด ไทยได้อะไรบ้างคนอาจจำไม่ได้ เพราะภาพจำไปอยู่ที่…การกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ถูกมองว่า จีนกำกับ-ไทยแสดง
ตามมาด้วยเรื่องละเอียดอ่อนอย่าง การส่งตัวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนทางสิทธิมนุษยชนระดับโลก
ในมุมจีน อาจรู้สึกว่า “ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว”
“ไม่จำเป็น” ที่ประธานาธิบดีต้องลงมาซ้ำในทันที
ความสัมพันธ์ไทย–จีนยังอบอุ่น และเพิ่งผ่านการ “รีเซตเชิงบวก” ไปแล้ว
⸻
- เวียดนาม–มาเลเซีย–กัมพูชา: สามจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่จีนต้องลงมือเอง
ถ้าพินิจรายชื่อประเทศที่สีเลือกเยือน จะพบว่าทั้งหมดล้วนมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจง ในเกมดุลอำนาจโลก
- เวียดนาม: คู่แข่งในทะเลจีนใต้ที่จีนต้องรักษา balance เพื่อไม่ให้ไหลไปทางสหรัฐ
- มาเลเซีย: ประเทศมุสลิมสำคัญในภูมิภาค มีบทบาทใน OIC และเป็นเส้นทางเชื่อมโยง BRI กับโลกอิสลาม
- กัมพูชา: พันธมิตรเหนียวแน่น ซึ่งจีนมีโครงการยุทธศาสตร์สูง เช่น ฐานทัพเรือเรียม ที่ถูกจับตาว่าอาจเป็นฐานทัพจีนแห่งแรกในภูมิภาค
การเยือนของสีจึงไม่ใช่การ “ทักทาย”
แต่คือการ “ลงมือจัดกระดาน” เตรียมรับมือสงครามการค้า และการหวนคืนของ “ทรัมป์” ในเวทีโลก
⸻
- ไทยยังเป็นเบี้ยที่ “วางลงตัว” ไม่จำเป็นต้องขยับ
ในเกมหมากล้อมระดับโลก บางหมากไม่ต้องขยับ…ก็สร้างแรงกดดันได้
และไทย…อาจกำลังอยู่ในจุดนั้น เพราะตำแหน่งดีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องจัดกระดานใหม่!
- ไทยยังรักษาระยะห่างกับมหาอำนาจตะวันตกแบบยืดหยุ่น
- ยังรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การทูต และวัฒนธรรมกับจีนในระดับแน่นแฟ้น
- ยังเป็นทางผ่านของทุนจีนและ supply chain จีนในอาเซียน
กล่าวอีกอย่าง ไทยยังไม่ใช่ปัญหาในสายตาจีน และยังไม่ใช่เป้าหมายเร่งด่วนในการ “กล่อม–ขึง” แบบที่สีจำเป็นต้องปรากฏตัวด้วยตนเอง
⸻
- ไทยยัง “เล่นหลายข้าง” จีนอาจแค่รอดูท่าที
แม้ความสัมพันธ์ระดับรัฐจะดี แต่ไทยก็ยังเดินเกมแบบ “ทวิภาคีแบบยืดหยุ่น” (flexible bilateralism) ซึ่งแม้จีนจะเข้าใจ แต่ก็อาจยังไม่ชัดพอสำหรับการให้สถานะ “พิเศษ”
- โครงการเศรษฐกิจบางส่วนใน EEC ยังเปิดกว้างให้ทุนตะวันตก
- ไทยไม่แสดงท่าทีชัดต่อประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งทะเลจีนใต้ หรืออินโด–แปซิฟิก และ ไต้หวัน
- การเดินเกมภายในของรัฐบาลแพทองธาร ยังไม่แน่ว่าจะยืดหยุ่นหรือกล้าแสดงจุดยืนต่อมหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่ง
ดังนั้น การไม่มาไทยของสี… อาจเป็นการ “ดูเชิง” มากกว่าการตีตัวออกห่าง
อาจเป็นเพียงการ “รอดู” และ “ทดสอบ” ก่อนเดินหมากต่อไป
⸻
ไทยจะเดินหมากอย่างไร…ท่ามกลางเกมของมหาอำนาจ!
การไม่มาของสี จิ้นผิง…อาจไม่ใช่การเมินไทย
แต่อาจเป็นการบอกเราทางอ้อมว่า จีนกำลังเดินเกม
และกำลังรอดูว่า “ไทยจะเดินเกมกลับอย่างไร”
การเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา คือการ “ลงมือจัดกระดาน”
การไม่มาไทย อาจเป็นการ “เว้นหมาก” เพื่อเปิดพื้นที่ให้ไทยเลือกข้างเดินเอง
ในโลกที่มหาอำนาจกำลังกระชับอิทธิพล
การอยู่นิ่ง อาจไม่ใช่ทางรอด
การยืดหยุ่น อาจกลายเป็นความคลุมเครือ
และในเกมที่มีทั้ง “จีน–สหรัฐ” กำลังรุกเข้าหา
ไทยควรถามตัวเองให้ชัดเจนกว่าที่เคยว่า
เราจะเป็น “เบี้ยที่ถูกเลือก” หรือ “หมากที่ถูกลืม” ไปจากกระดาน?
หรือ…จะเป็นผู้วางหมากบ้าง ในจังหวะที่โลกยังเปิดช่องให้เดิน!
หมายเหตุ : เขียนโดย The Publisher ร่วมวิเคราะห์โดย AI