ของดีมีอยู่แล้ว แต่…ไม่มีใครเล่า! คือหลักคิดที่ SEED THAILAND เล็งเห็นถึงช่องว่างที่ยังไม่ถูกเติมเต็ม อย่าเพิ่งกล่าวโทษว่าทำไมคนรุ่นใหม่จึงไม่กลับไปพัฒนาบ้านเกิด แต่คิดมุมกลับ…แล้วจะทำอย่างไรให้เขากลับมา?
“ใครจะกลับบ้าน ไปทำอะไร ไม่มีอะไรให้ทำหรอก” คำพูดแบบนี้เรายังได้ยินกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เลือกเดินทางเข้าเมืองใหญ่ เพราะมองว่าบ้านเกิดไม่มีโอกาสเพียงพอสำหรับการเติบโตในชีวิต
แต่ในขณะที่บ้านเรามีของดีมากมาย ทั้งภูมิปัญญา อาหาร วัฒนธรรม และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ คำถามคือ…
ทำไมของดีเหล่านี้ถึงไม่ทำให้คนอยากอยู่?
.
เมื่อบ้านไม่ใช่ที่ที่คนอยากกลับ
หลายชุมชนในต่างจังหวัดกำลังเผชิญกับ “ความเงียบ” ของคนรุ่นใหม่
เพราะบ้านอาจไม่มีอินเทอร์เน็ตที่ดี ไม่มีงานที่ท้าทาย หรือแม้แต่ไม่มีเวทีให้คนรุ่นใหม่แสดงศักยภาพ
บ้านเรามีเรื่องเล่ามากมาย
แต่ไม่มีคนเล่าให้สนุก ไม่มีเวทีให้เล่า
บ้านเรามีของดี
แต่ไม่มีการออกแบบให้เข้ากับยุคสมัย ไม่มีการสร้างแบรนด์
บ้านเรามีโอกาส
แต่ไม่มีการเปิดทางหรือสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ได้ลองผิดลองถูก
.
บางที คำตอบอาจไม่ใช่เพราะบ้านเราขาดโอกาส
แต่อาจเป็นเพราะบ้านเรายังไม่มีใคร “เปิดเวที” ให้คนรุ่นใหม่ได้ลอง
ได้เล่าเรื่องของตัวเอง
ลองนึกภาพดู…
ถ้าเด็กมัธยมคนหนึ่งอยากเล่าเรื่องราวของชุมชนผ่าน TikTok
อยากสัมภาษณ์ยายข้างบ้านผ่าน Podcast
หรืออยากตั้งเพจเล็กๆ เพื่อแชร์ภาพตลาดเช้าทุกวัน
แต่เขาไม่มีเครื่องมือ ไม่มีพื้นที่ หรือไม่มีใครเชียร์
สุดท้าย เรื่องของบ้านเราก็เงียบไป
.
เราต้องเริ่มจาก การเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้เล่าเรื่องของบ้านตัวเอง
ไม่ต้องรอให้โต ไม่ต้องรอให้เก่ง
แค่เปิดใจให้เขาได้เริ่ม
จากนั้น ลองมองไปยังอาชีพเดิมๆ ที่มีอยู่แล้วในบ้านเรา
เกษตรกร? วิสาหกิจชุมชน? คนทอผ้า?
.
อาชีพเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องตกยุค
ถ้าเราเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี สร้างระบบใหม่ๆ ให้มันกลายเป็นอาชีพที่มีความภูมิใจ และมั่นคง
ผ้าทอที่เคยเป็นของใช้ในบ้าน อาจกลายเป็นแฟชั่นบนรันเวย์
ผลผลิตจากสวนหลังบ้าน อาจกลายเป็นสินค้าพรีเมียมในโลกออนไลน์
.
และที่สำคัญที่สุด…
เราต้องสร้างเครือข่ายของคนรุ่นใหม่ที่ “เลือกกลับบ้าน”
ไม่ใช่แค่กลับไปอยู่ แต่กลับไปลงมือทำ
แชร์ประสบการณ์จริง ทั้งเรื่องยาก เรื่องเหนื่อย
และเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าบ้านมีคุณค่า
เพราะถ้าคนรุ่นใหม่เห็นว่ามีใครบางคนกำลังเริ่มต้นเหมือนกับเขา
เขาจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
และนั่นแหละ…คือจุดเริ่มต้นของการ “กลับมา”
.
ถ้าไม่มีใครเล่า “บ้านเรา” ก็จะเงียบไปเรื่อยๆ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ บ้านเรายังมีของดีอีกมาก แต่ถ้าเราไม่ช่วยกันเล่า ไม่ช่วยกันทำให้มันมีชีวิต คนรุ่นใหม่ก็จะไม่มีวันเห็นคุณค่าของมัน
เพราะสุดท้าย…
อนาคตของบ้านเรา จะอยู่ในมือของคนที่เห็นคุณค่าของมันตั้งแต่วันนี้