เสียงเฮลิคอปเตอร์ตัดผ่านความเงียบสงัด ณ สนามโรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง เบื้องล่าง คือ กลุ่มคน ที่หัวใจแหลกสลาย กำลังรอรับร่างไร้วิญญาณของวีรบุรุษผู้กล้าสองนาย ที่สละชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน
พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่โรงเรียน ตชด. บ้านตืองอ และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ลูกชาย ถูกพรากชีวิตจากเหตุระเบิดในสามจังหวัดชายแดนใต้ แผ่นดินที่พวกเขารักและอุทิศตนเพื่อเด็กๆ
“ตืองอ” ไม่ใช่แค่ชื่อหมู่บ้าน แต่เป็นสัญลักษณ์ของความสูญเสียและความเจ็บปวดที่ครอบครัว ตชด. ต้องเผชิญ ภรรยาที่ต้องกลายเป็นแม่ม่าย ลูกน้อยที่ต้องเติบโตมาโดยไร้พ่อ และมารดาที่หัวใจแตกสลายเมื่อต้องสูญเสียลูกชายและหลานชายไปพร้อมๆ กัน
น้ำตาที่ไหลริน เสียงสะอื้นที่ดังระงม คือ เสียงร้องของความโศกเศร้าที่ดังก้องไปทั่วแผ่นดิน เป็นเสียงสะท้อนของปัญหาความไม่สงบที่รัฐไม่ควรมองข้าม
ลางร้ายที่ลูกน้อยร้องไห้ไม่หยุด ความกังวลของครอบครัวที่เตรียมใจกับความสูญเสีย ความฝันของครูใหญ่ที่อยากลาออกเพื่อใช้ชีวิตกับครอบครัว เรื่องราวเหล่านี้ตอกย้ำถึงความเปราะบางของชีวิตในดินแดนแห่งความขัดแย้ง
สะเทือนใจมากขึ้นจากปากคำของ ด.ต.ดัตช์ น้องชายของ ด.ต.โดม เล่าถึงความผูกพันของครอบครัวท่ามกลางความสูญเสียว่า “ครอบครัวของเราพูดคุยกันตลอด เตรียมใจไว้ตลอด เพราะการทำงานในพื้นที่ชายแดนใต้มีความเสี่ยง พวกเราพูดตกลงกันว่า หากใครเสียชีวิตไปก่อน คนที่เหลือจะต้องทำหน้าที่ดูแลแม่”
การสูญเสียในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ความสูญเสียของครอบครัว แต่เป็นความสูญเสียของประเทศชาติ ที่ต้องสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่า รัฐบาลต้องตระหนักถึงบทเรียนอันเจ็บปวดนี้ และเร่งแก้ไขปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้อย่างจริงจัง เพื่อยุติวงจรความรุนแรงและคืนสันติสุขให้กับประชาชน
อย่าให้ “ตืองอ” ต้องจารึกไว้ว่าเป็นเพียงแผ่นดินแห่งน้ำตา แต่จงเปลี่ยนให้เป็นแผ่นดินแห่งความหวังและสันติสุขที่ยั่งยืน