ภายใต้ซากปรักหักพังของอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่มลงมา ยังคงมีการปฏิบัติภารกิจกู้ภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาผู้สูญหายและนำร่างผู้เสียชีวิตกว่าร้อยชีวิตออกมา ท่ามกลางความหวังอันริบหรี่ของผู้รอคอย
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ภารกิจที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ การหาสาเหตุของการพังทลาย และผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ กลับดูเหมือนความสนใจของรัฐบาล ความมุ่งมั่นที่จะนำความจริงมาเปิดเผยนั้นดูเหมือนจะลดน้อยถอยลง เหลือเพียงความพยายามของสื่อมวลชนและผู้ที่สนใจยังคงขุดคุ้ยและตั้งคำถามอย่างไม่ย่อท้อ
ท่ามกลางความเงียบงันจากภาครัฐ ข้อมูลและความเห็นอันน่าสนใจจาก ศ. กิตติคุณ ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต และวุฒิวิศวกร ได้ถูกนำเสนอต่อสาธารณชน ภายใต้ชื่อ “8 วินาทีวิกฤต กลไกการถล่มตึก 30 ชั้น จนราบเป็นขนมชั้น” การวิเคราะห์นี้ได้นำคลิปวิดีโอเหตุการณ์ตึกถล่ม 3 คลิปมาซิงค์ภาพและฉายภาพช้า เพื่อชี้ให้เห็นถึงลำดับเหตุการณ์เสี้ยววินาทีของการพังทลาย และระบุถึงจุดที่คาดว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การถล่มแบบ “แพนเค้ก” หรือการทรุดตัวซ้อนทับกันของแต่ละชั้นอย่างรวดเร็ว
ศ. กิตติคุณ ดร. วรศักดิ์ ชี้ให้เห็นว่า เหตุการณ์วิบัติของอาคาร สตง. ครั้งนี้ แม้ว่ารัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่มีความกังวลว่าการสอบสวนอาจหลงประเด็น ไปมุ่งเน้นที่รายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่ใช่สาเหตุหลักของการถล่ม สิ่งที่สังคมต้องการคำตอบอย่างเร่งด่วนคือ อาคารถล่มลงมาเป็นชั้นๆ ภายในเวลาเพียง 8 วินาทีได้อย่างไร? 8 วินาทีที่แทบจะไม่มีโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในอาคารได้หลบหนี การวิบัติในลักษณะนี้ถือเป็นสิ่งที่ต้องห้ามอย่างยิ่งในหลักการออกแบบและก่อสร้างอาคารสูง เพราะกลไกการถล่มเกิดจากการ บิดตัวของอาคาร โดยที่โครงสร้างส่วนล่างสุดของอาคารไม่สามารถรับแรงบิดได้ ส่งผลให้เกิดการทรุดตัวลงมาด้วยแรงทำลายล้างอันมหาศาลจากน้ำหนักของตัวอาคารเอง
จากข้อสันนิษฐานของ ดร.วรศักดิ์ จุดเริ่มต้นของการถล่มอาจมาจากการที่อาคาร สตง. มีการออกแบบที่ไม่สมมาตร โดยเฉพาะตำแหน่งของปล่องลิฟต์ที่ค่อนไปด้านหลัง เมื่อเกิดแผ่นดินไหว อาคารจึงเกิดการโยกตัว และส่งผลให้ปล่องลิฟต์และเสาถูกบิดอย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง กำแพงปล่องลิฟต์ ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของอาคารเกิดการพังทลายลง ทำให้โครงสร้างอาคารส่วนบนเหมือนลอยตัวชั่วขณะ และด้วยแรงโน้มถ่วง อาคารทั้งหลังจึงร่วงลงมาในแนวดิ่ง ทับถมกันในลักษณะของขนมชั้น ซึ่งสามารถสังเกตได้จากภาพที่แสดงให้เห็นเสาค้ำยันคู่ที่รับน้ำหนักด้านล่างถูกเฉือนขาดพร้อมกัน
ข้อสันนิษฐานนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการ ออกแบบและการแก้ไขแบบอาคาร และนำไปสู่ความเชื่อมโยงที่น่าสงสัยเกี่ยวกับการ ปลอมลายเซ็นของวุฒิวิศวกร ที่อนุมัติให้มีการแก้ไขแปลนอาคาร โดยเฉพาะในส่วนของปล่องลิฟต์ (Core lift) และผนังรับแรงเฉือน (Core Wall) ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการต้านทานแรงลมในอาคารสูง
ข้อมูลทั้งหมดนี้ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่อาจช่วยให้คณะกรรมการสอบสวนสามารถเข้าใกล้ความจริงได้มากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปที่ชัดเจน และที่สำคัญที่สุดคือ การหาตัวผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความสูญเสียอันใหญ่หลวงที่เกิดขึ้น ซึ่งประชาชนยังคงรอคอยคำตอบที่ชัดเจน ว่าใครกันแน่ที่จะเป็นผู้ให้คำตอบต่อโศกนาฏกรรมที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปมากมายเช่นนี้ ความจริงที่ล่าช้า ย่อมหมายถึงความยุติธรรมที่ถูกลดทอนลงไปทุกขณะ
#ตึกถล่ม #สตง #ใครรับผิดชอบ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ภาษีประชาชน