“ถ้ามั่นใจยุบสภาเลย เลือกตั้งใหม่หาเสียงจะทำสถานบันเทิงครบวงจรที่มี กาสิNO ถ้าได้รับเลือกเป็นเสียงข้างมากก็ทำได้อย่างมีความชอบธรรม แต่ถ้าไม่ได้ก็จบ พร้อมเตือนระวังจุดจบเหมือน นิรโทษกรรมสุดซอย”
ท่ามกลางกระแสคัดค้าน “กาสิ NO”จากทั่วทุกสารทิศ อดีตรัฐมนตรีผู้มากประสบการณ์ และบิดาของ 2 สส.อ่างทองจากพรรคภูมิใจไทย
สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ให้ความเห็นไว้กับ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” เสนอทางออกที่ไม่ซับซ้อน อยู่ที่ “พรรคเพื่อไทย” จะกล้าทำหรือเปล่า?
อยากดันกาสิ NO ยุบสภาก่อนได้ฉันทามติค่อยทำ
สมศักดิ์ ชี้ว่า กระแสคัดค้าน “กาสิNO”ที่มาจากทุสารทิศ ไม่ใช่เสียงนกเสียงกาที่รัฐบาลจะมองข้าม พร้อมแสดงความไม่เข้าใจว่า เหตุใดจะต้องเร่งรีบดำเนินการเรื่องนี้ทั้ง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยหาเสียงไว้ อีกทั้งไม่เคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาด้วย ถ้าอยากทำจริง “ทำประชามติ หรือไม่ก็ยุบสภาไปเลย ได้เสียงข้างมากก็จะทำได้อย่างมีความชอบธรรม แต่ถ้าไม่ได้ก็จบ”
ส่วนข้ออ้างเรื่องมีการกำหนดแหล่องท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างไว้นั้น ฟังไม่ขึ้น เห็นชัดว่าไม่ได้คิดแต่แรก แต่มาใส่ทีหลัง หลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร แสดงวิสัยทัศน์ แล้วรัฐบาลก็เดินตาม จนถูกครหาว่า ”ถูกครอบงำ”
ไม่ให้เกียรติ พรรคร่วมฯ ควรถอย
เขาอธิบายเพิ่มเติมถึงข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก กระตุกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลให้ถอยออกมา หากไม่ได้รับการให้เกียรติจากพรรคเพื่อไทย หลังมีข่าว ”ทักษิณ“ ขู่เขี่ยพรรคที่ไม่สนับสนุนสถานบันเทิงครบวงจรออกจากการร่วมรัฐบาล โดยเห็นว่า เป็นการไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เมื่อไม่ใช่นโยบายก็ไม่ควรบังคับพรรคร่วมรัฐบาลต้องเดินตาม เพราะบางพรรคอย่างเช่น ประชาชาติอาจมีข้อจำกัดเนื่องจากฐานเสียงส่วนใหญ่เป็นมุสลิมจะไปบังคับให้เขาเห็นด้วยมันไม่แฟร์ ต้องให้ความเป็นธรรม ฟังเหตุผล เคารพซึ่งกันและกัน เป็นการให้สติ และในฐานะพ่อ เขาย้ำกับลูกชายทั้งสองที่เป็นสส.ว่า “จะทำอะไรต้องคิดให้ดี เพราะการเมืองไม่ได้มีแค่วันนี้แต่ต้องมองไปถึงอนาคตด้วย การเมืองวันนี้ผูกพันไปถึงอนาคต“
แนะฟังเสียงประชาชน เหตุกระทบสังคมวงกว้าง
สมศักดิ์ ยังแสดงความไม่เข้าใจต่อท่าทีพรรคเพื่อไทยที่เร่งรีบในเรื่องนี้ทั้งที่
พรรคร่วมรัฐบาลก็ยังไม่เห็นพ้องต้องกัน ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ประชาชนให้ความสนใจ เสียงส่วนใหญ่จากลุ่มผู้นำสังคม ไม่ว่าจะเป็นราชบัณฑิต กลุ่มแพทย์ ล้วนแต่คัดค้านทั้งสิ้น รัฐบาลจึงควรคิดให้รอบคอบหากฟังเสียงประชาชน เนื่องจากกระทบภาพรวมสังคม ไม่อยากมองว่ามีอะไรกันหรือเปล่า?
อย่าประเมินประชาชนต่ำ ชนะในสภาฯ ไม่เคยชนะเสียงประชาชน
เขายังย้อนอดีตไปถึงเหตุการณ์ “นิรโทษกรรมสุดซอย” ด้วยว่า “ในสภาฯชนะเสียงข้างมาก แต่ในระบอบประชาธิปไตยเสียงของสภาฯ ไม่มีทางชนะเสียงของประชาชน คุณชนะเด็ดขาดในวันนั้นตอนตีสี่ ลักหลับ แล้วกฎหมายฉบับนี้ได้ใช้หรือไม่? สุดท้ายผลพวงของคนที่ผลักดันกฎหมายเป็นอย่างไร น่าจะเป็นข้อสังเกตที่ต้องกลับไปคิดหรือเป็นอุทธาหรณ์ แต่น่าเสียดายที่ไม่ทำตามคำกล่าวที่ว่า ถ้าเป็นคนเจ็บแล้วต้องจำ…บทเรียนมีอยู่แล้ว ฝืนมติมหาชน ประชาชนอยู่ไม่ได้หรอกครับ น่าห่วงว่าถ้ายังดึงดันต่อไปจะซ้ำรอยเดิม”
สมศักดิ์ มองว่า รัฐบาลอาจจะประเมินต่ำว่าภาคประชาชนอ่อนแรงแล้ว โดยย้ำว่า เสียงของประชาชนไม่ใช่เสียงนกเสียงกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคข้อมูลข่าวสารที่ถึงกันอย่างรวดเร็ว รัฐบาลต้องระวังให้ดี “ทางออกคือทำประชามติ ซึ่งอาจใช้เงินพอสมควร หรือถ้ามั่นใจยุบสภาไปเลย ประกาศนโยบายเที่ยวหน้าจะผลักดันสถานบันเทิงครบวงจรมีกาสิ NO ชอบก็เลือกเข้ามา แบบนี้จะประหยัดตังค์ไม่ต้องทำประชามติ เลือกตั้งใหม่ จะได้มีความชอบธรรมถ้าได้เสียงข้างมากก็ทำไป”
”มั่นใจก็ยุบสภาเลย“ ไม่ใข่แค่คำท้าทายของนักการเมืองอาวุโส แต่คือบทสะกิดเตือนจากผู้เคยอยู่แถวหน้าในสนามการเมือง ผู้เคยผ่านประสบการณ์เห็นความพังพินาศจากหลากหลายสถานการณ์ที่ไม่ฟังเสียงประชาชน หากใช้ ”อำนาจแบบไม่ยับยั้งชั่งใจ“ อาจทำให้หลายคนวนกลับไปตกในกับดักเดิม