ในประเทศที่ใครหลายคนยอมเชื่อคนที่ดูมี คนที่ดูรวย คนที่ดูมีอำนาจ
แค่ขับรถหรู พูดจามั่นใจ อ้างว่ารู้จักนายกรัฐมนตรี พ่อนายกฯ ไปจนถึงเบื้องสูง…
เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะกลายเป็น “คนที่ใคร ๆ ก็อยากรู้จัก”
คดี “ไฮโซเก๊” ที่หลอกหญิงสาวหลายคน ไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่มันคือเรื่องจริงซ้ำ ๆ ที่บอกเราว่า สังคมไทยยังหลงใหลใน “เปลือก” จนลืมมอง “แก่น”
และคนอย่างเขา—ไม่ได้แค่โกหกเก่ง
แต่ เข้าใจโครงสร้างของสังคมไทยอย่างถ่องแท้
ชอนไชเข้าไปถึงความฟอนเฟะแห่งจิตวิญญาณ
ที่เงินตรา อำนาจ เป็นใหญ่
อยากได้ ใคร่มี ด้วยเงินคนอื่น
สุดท้ายเจอของปลอม แต่กลับบอกตัวเองเป็น ”เหยื่อ?“
⸻
ไฮโซเก๊ไม่ใช่คนแรก…แต่คือผลผลิตของระบบที่คลั่งเปลือก
ในสังคมที่ชื่อเสียงเสมือนทุน
ความสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจถูกมองว่าเป็น “ใบเบิกทาง”
ใครพูดดจาดี มีบุคลิกเหมือนคนมีเส้น—มักได้รับความเชื่อถือมากกว่าคนธรรมดาที่พูดความจริง
“ไฮโซเก๊” ไม่ได้เริ่มต้นจากเงิน
แต่เริ่มจาก การแสดงความเป็นคนที่ “ดูเหมือนจะมี”
อ้างว่า “รู้จักนายกฯ”
บอกว่า “สนิทกับเบื้องบน”
แว่วว่า “จะได้เป็น รัฐมนตรีช่วยฯ เร็ว ๆ นี้”
มีรถนำขบวน…
และที่สำคัญ—มีบัญชีธนาคารที่โชว์ยอดเกิน 100 ล้านบาท
แน่นอนว่า…ไม่น่าจะใช่ของจริง
แต่แล้วไง…ใครแคร์ เพราะเห็นแค่ตัวเลขก็ตาลุกวาวแล้ว
เมื่อภาพลักษณ์สร้างความจริง
ของเก๊ที่จัดวางดีพอ…ก็ขายได้ในประเทศนี้
นี่คือความน่าเศร้า…ที่เราควรเรียนรู้มากกว่าดรามาความรัก
กับการกร่นด่า ”ไฮโซเก๊“
⸻
ต้องพูดความจริงกันว่า…”หนังหน้า“ ของไฮโซเก๊
ไม่น่าจะหลอกใครได้
แต่หนังหน้าติดอำนาจต่างหาก…
ที่ใคร ๆ ก็พร้อมศิโรราบโดยลืมที่จะตั้งคำถาม
เรากำลังอยู่ในสังคมหลงเปลือก
เราอาจจะพูดว่าเหยื่อ “ถูกหลอก”
แต่ในหลายกรณี—เหยื่อบางคนอาจ “ยอมให้หลอก”
เพราะหวังว่าได้แฟนรวย
หวังว่าจะได้ก้าวกระโดดทางสังคม
หวังว่ารักกับคนที่มีเส้น อาจเปิดโอกาสให้ชีวิตเปลี่ยน
นี่ไม่ใช่การซ้ำเติมเหยื่อ
แต่เป็นการสะท้อนมุมมืดที่ซ่อนอยู่ในใจ
หลายคนคิด…หลายคนตั้งคำถาม แต่ไม่กล้าพูด
เพราะในนามของ ”เหยื่อ“ จะถูกมองด้วยความ ”เห็นใจ“ เสมอ
⸻
นอกจาก ”เงิน“-”อำนาจ“ ก็คือสิ่งหอมหวน
การอ้างว่า “รู้จักนายกฯ” หรือ “ใกล้ชิดเบื้องบน”
เป็นเครื่องมือที่ใช้ได้จริงในประเทศนี้
เพราะคนจำนวนมากถูกฝังหัวมาว่า
อำนาจ คือสิ่งที่ไม่ควรถูกตั้งคำถาม
และใครที่ใกล้ชิดกับอำนาจ…คือคนที่ควรเคารพโดยอัตโนมัติ
ไฮโซเก๊จึงสามารถใช้ชื่อผู้มีอำนาจเป็น “โล่”
สร้างตัวตนเทียมที่ไม่มีใครกล้าสงสัย
และเมื่อระบบไม่สามารถตรวจสอบอ้างอิงได้ทัน
หรือไม่ทันคิดที่จะตรวจสอบ
“การรู้จักคนมีอำนาจ” จึงกลายเป็นทุนชนิดหนึ่งในตลาดมายาคติ
⸻
ความฟอนเฟะที่ไม่ได้ซ่อนอยู่ในคดี…แต่อยู่ในโครงสร้างสังคม
สังคมที่วัดคุณค่าคนจาก “ของที่ใช้”
“คนที่รู้จัก”
“ชื่อที่เอ่ยถึงได้”
คือใบเบิกทางให้ ”ไฮโซเก๊“ ใช้เป็นสะพานในการหลอกลวง
และเมื่อเราโอบรับวัฒนธรรม “ดูดีไว้ก่อน”
คนที่ไม่มีของแท้ ก็เพียงแค่…ลงทุนกับการสร้างภาพ
ถ้าเราเชื่อว่ารถนำขบวน = อำนาจ
เชื่อว่าแบรนด์เนม = ฐานะ
เชื่อว่าใกล้ชิดเบื้องบน = น่าไว้ใจ
เราก็แค่รอวันโดนหลอกอีกครั้ง ในรูปแบบใหม่เท่านั้นเอง
⸻
คำถามที่ยังค้างอยู่
ไฮโซเก๊ไม่ใช่แค่ “คนโกง”
แต่คือ “กระจก”
ที่สะท้อนกลับมาให้เห็นว่า สังคมเรายังบูชาภาพลักษณ์จนลืมตั้งคำถามกับความจริง
และบางที…
แง่มุมที่ให้เราเรียนรู้
อาจไม่ใช่เพราะเขาหลอกเก่ง
แต่อาจเป็นเพราะคนจำนวนไม่น้อยในสังคม
หลงเปลือก…อยากได้…จนหน้ามืดตามัวใช่มั้ย?
เพราะฉะนั้น…
ถ้าเขาคือมิจฉาชีพ—
แล้วคนที่หวังเงินจากเขาในนามของความรัก
…จะเรียกว่าอะไร?
⸻