เมื่อภาษีไม่ใช่แค่เครื่องมือเก็บรายได้อีกต่อไป
แต่กลายเป็น ”อาวุธ“ ห้ำหั่นในสงครามเย็นยุคใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน…
เปิดเกมโดย “โดนัลด์ ทรัมป์” จากนั้นสองประเทศก็กระโดดเข้าสู่เกมตัวเลขภาษีที่งัดกันไม่หยุด
ศึกนี้ไม่ใช่ครั้งแรก…ย้อนกลับไปปี 2018–2019
ทรัมป์ขึ้นภาษีจีนมูลค่ากว่า 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสกัดการเติบโตของ “มังกรแห่งเอเชีย” [1]
แต่จีนยอมที่ไหน? ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐกลับกว่า 110,000 ล้านดอลลาร์ ส่งสัญญาณ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
สุดท้ายจบลงที่ “เจ็บทั้งคู่ แต่ไม่มีใครยอมแพ้”
เรียกว่า…เจ็บแบบยังไม่ยอมจบ
⸻
เจ็บทั้งคู่—สหรัฐเสียผู้บริโภค จีนเสียตลาด
ศึกครั้งนั้นมีการพักรบ หลังสองฝ่ายบรรลุข้อตกลง “Phase One Deal” ในเดือนมกราคม 2020 [2]
แต่ก็เป็นเพียงการหยุดเลือดไหลชั่วคราว ไม่ใช่การคืนสู่สภาวะปกติ
เนื้อหาหลักของ Phase One:
• จีนตกลงจะซื้อสินค้าเกษตรและพลังงานจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นราว 200,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 2 ปี
• สหรัฐฯ ยังคงเก็บภาษีสินค้าจีนมูลค่าราว 250,000 ล้านดอลลาร์
• จีนยังคงเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ บางส่วน และไม่ได้ลดทั้งหมด
ผลลัพธ์คือ…จีนไม่สามารถซื้อสินค้าได้ตามเป้า เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 และความไม่ไว้วางใจระหว่างสองประเทศที่ยังดำรงอยู่
⸻
ถึงไบเดนก็ไม่ถอน – ถึงประชาชนก็ยังเจ็บ
แม้โจ ไบเดนจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีในปี 2021
เขาก็ไม่ได้ยกเลิกภาษีที่ทรัมป์ตั้งไว้ทั้งหมด โดยเลือกเก็บไว้เพื่อใช้ต่อรองเชิงยุทธศาสตร์กับจีนต่อไป [3]
กลายเป็นสนามรบที่ผู้บริโภคทั้งสองประเทศ “เจ็บกันถ้วนหน้า”
• คนอเมริกันจ่ายค่าสินค้าแพงขึ้น
• เกษตรกรสหรัฐฯ ถูกตัดออเดอร์หลายพันล้านดอลลาร์ ต้องพึ่งเงินอุดหนุนรัฐบาล
• ส่วนจีน GDP ชะลอตัวจาก 6.6% ในปี 2018 เหลือ 5.9% ในปี 2019
• บริษัทจีนหลายแห่งสูญเสียตลาดในสหรัฐ ถูกตัดขาดจากเทคโนโลยีสำคัญ เช่น ชิปเซตจากบริษัทสหรัฐฯ
⸻
ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก…ไม่จบแต่เจ็บ
ล่าสุดสนามรบภาษีระหว่างจีนกับสหรัฐยังคงเดินหน้าไล่บี้กันไม่หยุด
ไม่มีใครยอมใคร…ไม่มีใครรู้ว่าจุดสิ้นสุดจะอยู่ตรงไหน
สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการของจีนพุ่งทะลุ 104% [4]
นายหลิน เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เรียกร้องให้สหรัฐฯ “หยุดพฤติกรรมที่เย่อหยิ่งและกดขี่” และขอให้เคารพซึ่งกันและกันหากต้องการเจรจาอย่างแท้จริง
ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 84% มีผล 10 เมษายน 2568
เพื่อตอบโต้
แต่สหรัฐก็ไม่รามือ ขึ้นภาษีจีนอีกเป็น 125%
⸻
สงครามที่ไม่มีใครชนะ…แต่ต้องการ “การปรับตัว”
บางที…สงครามภาษีครั้งนี้ อาจไม่มีคำว่า “ใครชนะ?”
มีแต่ประเทศที่ “ปรับตัวได้ก่อน” เท่านั้นที่อยู่รอด
ช้างสารสองตัวอาจยังเดินต่อไปได้
แต่พื้นโลกใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา…จะยังคงสั่นสะเทือนไม่หยุด
โลกหลังสงครามภาษีจะไม่มีวันเหมือนเดิม
ความร่วมมือข้ามพรมแดนจะเหลือน้อยลง
และประชาชนธรรมดา…จะต้องใช้ชีวิตในเกมที่เขาไม่ได้เลือกเล่น
ถ้าจะมี “ผู้ชนะ” จริง ๆ
อาจไม่ใช่ประเทศใดประเทศหนึ่ง
แต่อาจเป็น “สังคมที่เข้าใจโลกใหม่ และวางหมากได้เร็วกว่า”
สงครามภาษี…ที่ลึกกว่าเกมของอำนาจ
คือ…กระจกสะท้อนว่า “ใครมองเห็นอนาคตก่อนกัน”
⸻
เชิงอรรถ:
[1]: ข้อมูลจากรายงานของ BBC (US-China trade war: What has happened so far?, 2019) และ New York Times
[2]: สรุปสาระ Phase One Deal จากรายงานของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) และ SCMP, 2020
[3]: Brookings Institution และ Reuters (2022) วิเคราะห์ว่านโยบายเศรษฐกิจของไบเดนยังคงใช้ภาษีเป็นเครื่องมือควบคุมจีน
[4]: อ้างอิงจากประกาศกระทรวงพาณิชย์จีน (10 เมษายน 2568) และสำนักข่าว South China Morning Post
⸻
หมายเหตุ:
บทความนี้เกิดจากการค้นคว้า แลกเปลี่ยน และสนทนาร่วมกันระหว่างผู้เขียนกับ “ทองแท่ง” — AI คู่คิดของ The Publisher เพื่อสร้างบทความที่เชื่อมโยงประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลกกับการเมืองร่วมสมัยอย่างเข้มข้นและเข้าใจง่าย
⸻