“อย่าคิดใช้ช่วงชุลมุนเป็นข้ออ้างขยายเพดานหนี้สาธารณะ แล้วเอาไปแจกเงิน…รอให้ถึงเวลาก่อน ถ้าตกต่ำจริงค่อยพูด”—ดร.สมชัย จิตสุชน ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง TDRI
สงครามการค้าจีน-สหรัฐ โลกคือ “เหยื่อ”
ดร.สมชัย จิตสุชน ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง TDRI ให้สัมภาษณ์ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง“ ดำเนินรายการโดย ”สมจิตต์ นวเครือสุนทร“ โดยวิเคราะห์ถึงการเผชิญหน้าระหว่างจีน-สหรัฐ ที่ขยับขึ้นภาษีใส่กันแบบไม่มีเพดานว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีการเผชิญหน้ากันตั้งแต่ “ทรัมป์” เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ต่อเนื่องจนถึงไบเดน จนกลับมาปะทุรุนแรงอีกครั้งเมื่อทรัมป์คืนอำนาจ
“เป็นเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ที่ประเทศตะวันตกไม่อยากให้จีนเป็นมหาอำนาจเร็วเกินไป โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี จึงกีดกันทั้งการค้าและเทคโนโลยีไปพร้อม ๆ กัน”
สหรัฐขึ้นภาษีจีน 104% จีนโต้กลับขึ้นภาษีสหรัฐที่ 84% ส่วนสหรัฐกระโดดไปที่ 125% “กำแพงภาษีที่สูงแบบนี้จะทำให้การค้าสองประเทศลดลงอย่างรวดเร็ว การนำเข้า-ส่งออกก็จะลดลงด้วย ปริมาณการค้าของโลกจะลดลงตามไปด้วย ถึงจะมีการส่งผ่านไปประเทศอื่น แต่โดยรวมจะกระทบเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวค่อนข้างแรงจนถึงขั้นตกต่ำ”
ไทยควรทำอะไรใน 90 วัน?
ตอนนี้ไทยมีโอกาส 90 วัน เพราะเป็นหนึ่งใน 60 ประเทศที่สหรัฐยังไม่ขึ้นภาษีทันที ดร.สมชัย เสนอให้เร่งเจรจา เตรียมความพร้อม และกำหนดยุทธศาสตร์ให้ชัดเจน
“อย่างที่รัฐบาลเคยบอกไว้ว่าจะไม่ลดการส่งออกแต่เพิ่มการนำเข้าอันนี้ควรทำทันที” และต้องแก้ไข กำแพงภาษีสินค้าสหรัฐฯ ที่เราตั้งไว้สูงโดยเฉพาะสินค้าการเกษตรต้องพิจารณาลดกำแพงภาษีลงนำเข้ามากขึ้น แต่จะมีผลกระทบกับเกษตรกรไทยที่ต้องเยียวยาทั้งระยะสั้นและยาว
“ต้องทำความเข้าใจว่าโลกเปลี่ยนไปการปกป้องจากภาครัฐไปยังภาคการเกษตรจะไม่สามารถทำได้เหมือนในอดีตอีกแล้วแล้ว จึงต้องมีกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากภาคการเกษตรอย่างค่อยเป็นค่อยไป“
เร่งเปิดพื้นที่ภาคบริการ หยุดเกรงใจกลุ่มทุนคุมรัฐ
นอกจากภาคการเกษตรที่ต้องเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว ดร.สมชัย ยังเห็นว่า รัฐบาลต้องส่งเสริมภาคการผลิตอื่นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าครั้งนี้ เช่น ภาคบริการ และต้องเปิดทางให้สหรัฐมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
“แต่ตรงนี้อาจจะยากกว่าภาคการเกษตรด้วยซ้ำเพราะเป็นพวกนายแบงก์ เป็นคนกลุ่มที่มีเส้นสายการเมืองสูงแต่ก็ต้องทำ รัฐบาลต้องกล้าไม่ใช่เกรงใจนายทุนที่ได้รับการปกป้องมานานแล้ว เชื่อว่าถ้าทำอเมริกาน่าจะแฮปปี้ และเราควรทำมานานแล้วแต่ไม่ได้ทำ ถ้าทำได้หรือทำให้เห็นว่าเอาจริงเอาจัง แม้ไม่เห็นผลทันที แต่มีแผนที่ชัดเจน หลังผ่าน 90 วันเราก็น่าจะพอผ่านไปได้“
อย่าฉวยโอกาสช่วงชุลมุนขยายเพดานหนี้สาธารณะ
ดร.สมชัย เตือนว่า อย่าอาศัยช่วงชุลมุนนี้ขยายเพดานหนี้สาธารณะเพิ่มจาก 70 % โดยอ้างว่าต้องเตรียมไว้เพื่อรับมือเศรษฐกิจ ”รอให้ถึงเวลาแล้วค่อยขยาย ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำ ยังไม่ต้องรีบพูดตอนนี้ เพราะดูทิศทางรัฐบาลแล้วก็เน้นที่การแจก หากจะขยายเพดานหนี้สาธารณะมาทำเรื่องพวกนี้ก็จะกลายเป็นปัญหาระยะยาว เพราะใช้เงินไม่มีประสิทธิภาพทำให้หนี้สูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น“
ปฏิรูปภาษี “ไฟท์บังคับ” ที่ยากปฏิเสธ
“ตอนนี้ภาคการคลังไม่พร้อมมานานแล้ว และจะไม่พร้อมไปเรื่อย ๆ ถ้ายังไม่ปฏิรูประบบภาษี”
ดร.สมชัยประเมินว่า ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงจะเกิดจุดบอดที่เป็นต้นของวิกฤตประเทศ
”ถ้ารัฐบาลไปแบบไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ราวเหมือนทุกวันนี้ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ดีไม่ดีไม่เกิน 5 ปี จะเห็นวิกฤตหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นอีกสองปีขึ้นเป็น 70 อีกห้าปีกระโดดไปเป็น 80 คนจะไม่เชื่อมั่นภาคการคลังของรัฐบาล“
สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ เก็บภาษีจากคนรวยสุด ๆ “แต่ก็รู้กันว่าในทางการเมืองก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นคนกลุ่มที่ควบคุมรัฐบาล แต่ในที่สุดจะเป็นไฟท์บังคับว่าต้องเพิ่มภาษี เพราะเราใกล้เกิดวิกฤตการคลังแล้ว สุดท้ายก็ต้องปูทางให้สังคมยอมรับความจำเป็นถึงการปฏิรูปภาษี”
เร่งหยุดคอร์รัปชัน-หยุดฟุ่มเฟือย
อีกเรื่องที่ต้องทำพร้อมกันแต่ก็ยากมากคือการลดการคอร์รัปชันในภาครัฐบาลลง เพราะงบประมาณ 100 บาท ใช้จริงไม่ถึง 80 บาทนอกนั้นรั่วไหร หรืออาจจะมากกว่านั้น และยังมีการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย ไม่จำเป็นอีกด้วย “แต่ตอนนี้เรายังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย ถ้ายังออกนอกลู่นอกทางอย่างที่รัฐบาลทำอยู่ ก็ยิ่งไม่มีหวัง”
พับดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ด่วน!
”โครงการนี้ไม่ควรเกิดตั้งแต่แรก เฟสสามยกเลิกไปเถอะ ไม่มีประโยชน์เลย“ ดร.สมชัยเสนอให้ นำเงิน 1.5 แสนล้านที่เตรียมไว้ไปใช้ในสิ่งที่จำเป็น ให้ผลตอบแทนระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาคนที่อยู่นอกระบบการศึกษา เพราะเป็นจุดบอดใหญ่ของเศรษฐกิจไทย
“เราติดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง เพราะไม่เคยลงทุนในคนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ไม่ได้พัฒนาทักษะแรงงานอย่างจริงจัง”