ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เปิดเผยกับ The Publisher หลัง ACT เปิดผลการสำรวจความเห็นประชาชน หัวข้อ “คุณคิดว่าเหตุการณ์อาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่ม เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันหรือไม่” โดยพบว่าร้อยละ 98 เชื่อว่ามีคอร์รัปชัน เมื่อเจาะลึกถึงสาเหตุชี้มี 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.คอร์รัปชันของผู้เกี่ยวข้อง 2.การใช้วัสดุคุณภาพต่ำ เช่น เหล็กปลอม 3.กำหนดแบบเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เช่น ต้องการเงินทอน ซึ่งเป็นการโกงครบสูตร แม้ระเบียบครบถ้วน
โดยประชาชนเสนอรัฐเอาผิด “ฟันให้ถึงตัวใหญ่” ไม่ใช่แค่โยนแพะ ไม่ใช่แค่หาผู้รับเหมารับผิด แต่ต้องถึง “ผู้มีอำนาจ” ที่อยู่เบื้องหลัง พร้อมเสนอให้แบล็กลิสต์ บริษัทรับเหมาห้ามรับงานรัฐอีกตลอดชีวิต และจำคุกตลอดชีวิตผู้เกี่ยวข้องกับคอร์รัปชันโดยไม่ลดหย่อนโทษ
ส่วนแนวทางแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ คือต้องปรับปรุงกฎหมายเข้มงวด การตรวจสอบคอร์รัปชันเข้มแข็ง ลงโทษเด็ดขาด รุนแรงถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ปรับปรุงระบบจัดซื้อจัดจ้างให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์ มูลค่าพันล้านบาทขึ้นไปต้องผ่านข้อตกลงคุณธรรม
เรื่องข้อตกลงคุณธรรมนั้น ดร.มานะบอกกับ The Publisher ว่าที่ สตง.อ้างว่าได้ทำข้อตกลงคุณธรรมกับ ACT ในการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างตึก สตง.แล้วนั้นตามกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้าง การทำข้อตกลงคุณธรรม ต้องเริ่มตั้งแต่การเขียน TOR ก่อนการประมูล แต่กรณีนี้ ACT เข้าไปเมื่อทุกอย่างจบแล้ว ได้ผู้รับเหมา เริ่มต้นงานแล้ว จึงไม่ได้ดูย้อนหลัง
ดร.มานะเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่ สตง.จะไม่รู้ว่าบริษัทจีนร่วมทุนเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง แต่อาจเข้าใจว่าผู้บริหารหลักคืออิตาเลียน-ไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบุคคลในแวดวงการตรวจสอบอาจไม่รอบรู้ หรือเชี่ยวชาญเพียงพอในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ตรวจงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นต้นตอให้เกิดคอร์รัปชัน ดังนั้นต้องจัดอบรมเพื่อให้มีความรู้
“แน่นอน สตง.ต้องรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับบริษัทผู้รับเหมา ต้องว่ากันตามหลักฐาน เมื่อพิสูจน์แล้วว่าอะไรเป็นสาเหตุตึกถล่ม” ดร.มานะระบุ