“ประชาชนไม่ได้เล่นงานรัฐบาล เขากำลังต่อต้านสิ่งที่อันตรายต่อสังคม”– อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ
เป็นการสะกิดจาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งให้สัมภาษณ์ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร“ และเนื้อหาตลอดเกือบครึ่งชั่วโมง เป็นการวิเคราะห์แบบฟันธงว่า “กาสิNO” ยังไม่จบ ขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” ยังไม่ยอมแพ้
งานสภาฯ คือหน้าที่ “ฝ่ายบริหาร”
อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เริ่มต้นด้วยการสะกิดไปยัง ปัญหาเชิงวัฒนธรรมของฝ่ายบริหาร ที่ไม่เห็นความสำคัญของงานสภาฯ โดยเฉพาะการตอบกระทู้สด ซึ่งเขามองว่าเป็น “หัวใจของระบอบประชาธิปไตย” เพราะเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้แทนปวงชนได้ตรวจสอบรัฐบาลโดยตรง
“สมัยผมเป็นนายกฯ ผมให้ถือเป็นเหมือนมติ ครม. ว่ารมต.ต้องมาตอบกระทู้ เพราะรู้วันเวลาแน่นอน บริหารเวลาได้อยู่แล้ว แต่ปัญหาคือรัฐบาลชุดนี้จะเลือกตอบเฉพาะกระทู้ของรัฐบาลเองที่ชงมาหวาน ซึ่งประธานหรือรองประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ต้องแสดงออกมากกว่า ในอดีตเคยได้ยินประธานสภาฯ ตำหนิคนในรัฐบาลที่ไม่มาตอบกระทู้ หรือถึงขั้นทำหนังสือย้ำไปด้วยซ้ำ แต่เราไม่เห็นบทบาทเหล่านั้นจากประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ในที่ประชุม“
สภาฯ สมัยหน้า ส่อเดือด “กาสิNO” ปมร้อน
อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เตือนว่า แม้รัฐบาลจะถอยกฎหมายกาสิNO ชั่วคราว รอเปิดสมัยประชุมหน้า แต่นั่นจะยิ่งทำให้การประชุมสภาฯ สมัยหน้าเดือด เพราะนอกจากกาสิNO ยังมีกฎหมายนิรโทษกรรม และญัตติแก้รัฐธรรมนูญ รออยู่ด้วย ทุกอย่างคือ “เชื้อไฟ” ที่พร้อมปะทุ หากพรรคร่วมรัฐบาลไม่ทำความเข้าใจกันให้ชัดเจนก่อนเปิดสภาฯ
พรรคร่วมรัฐบาล “ร้าวลึก” ดัน “กาสิNO”ไม่ง่าย
เขามองว่า เสียงคัดค้านนอกสภาฯ ที่ขยายตัวแรงเกินคาด ได้สร้างแรงกดดันต่อพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งแต่ละพรรคมีข้อจำกัดของตนเอง
“ประชาชาติไม่รับกฎหมายชัดเจน ภูมิใจไทยยังกลับไปกลับมา ส่วนอีกหลายพรรคยังนิ่งเงียบรอดูสถานการณ์ ขณะที่สว.เป็นด่านหินที่พรรคเพื่อไทยคุมไม่ได้”
ยังไม่ถึงจุดแตกหัก แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
เขาฟันธงว่า กาสิNO ไม่จบง่าย ๆ และเชื่อว่าน่าจะไม่สามารถเดินหน้าจนประสบความสำเร็จ เพียงแต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะสะดุดที่ด่านไหน เริ่มตั้งแต่วาระที่ 1 หากกุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ก็จบ “แต่ผมยังไม่เห็นเงื่อนไขที่จะแตกหัก เพราะเพื่อไทยไม่ได้เปรียบถ้ายุบสภา แต่เป็นผู้ถืออำนาจนี้ ส่วนภูมิใจไทยเป็นไปได้ที่คิดว่ายุบสภาแล้วอาจจะดีกับตัวเอง แต่ก็ยุบสภาเองไม่ได้ เพราะถ้าถูกปรับออกรัฐบาลก็ยังอยู่ได้ ด้วยการหาสส.บางส่วนจากฝ่ายค้านมาเติมเป็นรัฐบาล ภูมิใจไทยคงไม่อยากเสี่ยงเป็นฝ่ายค้านกับพรรคประชาชน”
สว.ด่านหิน “กาสิNO”
นอกจากนี้เนื้อหาในร่างกฎหมาย ก็มีจุดอ่อนไหว ที่น่าจะถกเถียงกันหนักในชั้นกรรมาธิการฯ เช่น เงิน 50 ล้านในบัญชีคนไทย ที่จะเข้าไปเล่นพนันในกาสิNO ต่อจากนั้นเป็นขั้นตอนวุฒิสภา ก็เป็นด่านหินเพราะมีการระบุแล้วว่าไม่เห็นด้วย และเป็นสภาฯ ที่พรรคเพื่อไทยคุมเสียงไม่ได้
อย่าเผลอ…อย่าอ่อนแรง ไม่งั้น กาสิNO มาแน่
แม้จะเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลคงจบที่การประนีประนอมอำนาจ ไม่ถึงขั้นแตกหักไม่ว่าท่าทีแต่ละพรรคจะเป็นอย่างไรก็ตาม เพราะสุดท้ายแล้วน้อยพรรคที่พร้อมจะเดินสู่สนามเลือกตั้งใหม่ แต่ อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ แนะให้โฟกัสไปที่พรรคร่วมรัฐบาลที่ถูกมองว่าเป็นพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งจะกังวลในเรื่องฐานเสียงที่ส่วนใหญ่น่าจะไม่เอากาสิNO ที่อาจเป็นตัวแปรได้ หากกระแสต่อต้านรุนแรง แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับว่าพรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นจะลุยไฟเพื่อกาสิNO ขนาดไหน จะไปสุดทางหรือนวดไปเรื่อย ๆ ให้คนคัดค้านอ่อนแรงลง ”หากดูบริบทที่ผ่านมาจะเห็นว่าเพื่อไทยมีสามวาระสำคัญในการเป็นรัฐบาลคือ นำทักษิณกลับไทย จัดสรรผลประโยชน์ทางทะเลกับกัมพูชาและกาสิNO ดังนั้นภาคประชาชนจึงเผลอหรืออ่อนแรงไม่ได้ เพราะถ้าเผลอหรืออ่อนแรง เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยดัน กาสิNO ทันที“
ประนีประนอม “อำนาจ” ไม่จบ เพราะอำนาจที่แท้จริงคือ “ประชาชน”
อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เตือนรัฐบาลว่าอย่าประมาทพลังมวลชน เพราะลุกลามได้ ดังจะเห็นได้จากแถลงการณ์จำนวนมากจากหลายภาคส่วนที่แสดงจุดยืนคัดค้าน กาสิNO เนื่องจากเป็นประเด็นละเอียดอ่อน ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สนับสนุน จังหวะเวลาและวิธีการของรัฐบาลยิ่งทำให้คนหวาดระแวง
“ผมยังแปลกใจที่นายกฯ บอกมีคนบิดเบือนสถานบันเทิงครบวงจรคือกาสิNO ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลคือคนนิยามว่าต้องมีกาสิNO อย่างอื่นไม่มีก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ห้างฯ สวนสนุก แล้วจะให้คนคิดเป็นอื่นได้อย่างไรว่า หัวใจของเรื่องนี้ไม่ใช่กาสิNO รัฐบาลเอาเรื่องอื่นมาบังหน้า กาสิNO ที่เป็นเป้าหมายหลัก อ้างว่าแค่10 % ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมี สถานบันเทิงครบวงจรหลายประเทศก็ไม่ได้มีกาสิNO”
การเมืองไม่ได้เล่นงาน “นายกฯ”
“ประชาชนไม่ได้เล่นงานรัฐบาล เขากำลังต่อต้านสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสังคม ไม่คุ้มกับข้ออ้างเรื่องเศรษฐกิจ ไม่เชื่อว่าจะได้จริงตามที่รัฐบาลบอก ไม่คุ้มที่จะแลกกับผลกระทบและผลข้างเคียงทางสังคมที่จะตามมาทั้งการฟอกเงิน การทุจริต อาชญากรรมข้ามชาติ และความสัมพันธ์กับประเทศจีน กรณีมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเล่นการพนัน”
สถานการณ์ยังไม่สุกงอมเท่า “นิรโทษกรรม”
อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ มองย้อนสถานการณ์ไปที่ “นิรโทษกรรมสุดซอย” เทียบเคียงกับ “กาสิNO” ยังเชื่อว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่สุกงอมขนาดนั้น เพราะตอนนิรโทษกรรมคนยอมรับไม่ได้กับการนิรโทษกรรมการทุจริตให้ตัวเองหรือพรรคพวก และกฎหมายก็ผลักดันด้วยวิธีแปลกประหลาดจนถึงจุดที่มวลชนเคลื่อนไหวสุกงอมกว่านี้พอสมควร “แต่ก็ถือเป็นโชคไม่ดีของรรัฐบาลที่การผลักดันมาเกิดตอนช่วงแผ่นดินไหว มีกรณีสงครามภาษีพอดี ทำให้ประชาชนยิ่งเห็นความเร่งรีบที่ไม่สมเหตุสมผล จนกระแสคัดค้านยิ่งขยายเป็นวงกว้าง”
“ถ้าผมเป็นนายกฯ จะไม่ทำแบบนี้”
“เสียดายเวลาของสังคม ถ้าผมเป็นนายกฯ ต้องถอยเรื่องนี้ชวนคนในสังคมรับมือสงครามการค้า ไม่ใช่มานั่งทะเลาะเรื่องที่ไม่คุ้มทั้งเศรษฐกิจและสังคม“
อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ ปิดท้ายด้วยข้อเสนอเชิงสร้างสรรค์ว่า…ถ้ารัฐบาลต้องการใช้เวลาให้คุ้มควรทำความเข้าใจกับสังคม ว่าประเทศไทยต้องปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ มาร่วมกันทำเรื่องยาก ๆ พลิกให้สังคมมารวมพลังในสิ่งที่ประเทศไทยกำลังต้องการ ดีกว่าทะเลาะกับคนครึ่งค่อนประเทศ กับเรื่องที่ประเทศชาติได้น้อย และมาพร้อมเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด แต่น่าหนักใจว่ารัฐบาลคงไม่ทำ”