วันที่ทั้งเมืองเปียกปอนจากปืนฉีดน้ำ
มีชีวิตเล็ก ๆ ชีวิตหนึ่ง…คลอดออกมาบนฟุตปาธ ใต้ต้นไม้
ไม่มีอ้อมกอดอันอบอุ่นจากผู้เป็นแม่
ไม่มีแม้โอกาสจะได้ลืมตาดูโลก
มีเพียงเสียงไซเรนฉุกเฉิน
และร่างไร้วิญญาณ…ที่คนเป็นแม่ยังทำตัวเป็น “ไทยมุง!”
เราอาจพูดว่านี่คือ “ข่าวสลด”
แต่ความจริงคือ มันคือ “ภาพสะท้อนประเทศ” ที่เราควรจะกลัวไม่แพ้การสะเทือนใจ
⸻
ประเทศที่คนไม่พร้อม “มีลูก”
แต่คนพร้อมกลับ “ไม่กล้ามี”
ข้อมูลจาก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ปี 2567 มีหญิงไทยท้องไม่พร้อมมากกว่า 24,000 ราย
เฉลี่ยวันละ 66 คน และ 57.6% เป็นวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี
ทุกวันมีเด็กผู้หญิงวัยเรียนเกือบ 40 คน
ต้องกลายเป็นแม่ในครอบครัวที่ไม่พร้อม
ในประเทศที่ยังโอบรัด “กลุ่มเปราะบาง” ได้ไม่ดีนัก
ขณะที่ในอีกฟากหนึ่งของสังคม
คนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษา มีงานทำ มีความพร้อม
กลับตัดสินใจไม่แต่งงาน ไม่มีลูก
เพราะรู้ดีว่า “การมีลูกในประเทศนี้” คือการรับภาระมหาศาล
• การเลี้ยงลูก 1 คน ใช้เงินเฉลี่ย 1.5 ล้านบาท (TDRI)
• ไม่มีระบบดูแลเด็ก ไม่มีวันลาเลี้ยงลูกพอ ไม่มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพียงพอ
• ต้องทำงานหนักขึ้นแต่รายได้เท่าเดิม
• ยิ่งมีลูก ยิ่งถอยหลังในระบบเศรษฐกิจ
⸻
เมื่อประเทศผลิตประชากรได้จาก “ความไม่พร้อม
แล้วใครจะพาประเทศนี้ไปข้างหน้า?
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ “คุณภาพชีวิต”
แต่มันคือ “คุณภาพประชากร”
ซึ่งคือ “ศักยภาพของประเทศ” โดยตรง
UNFPA เคยเตือนว่า ประเทศที่อัตราเกิดต่ำกว่า 2.1 ต่อหญิงหนึ่งคน จะเข้าสู่ภาวะประชากรถดถอยอย่างถาวร
ปัจจุบันไทยมีอัตราการเกิดเพียง 1.08 — ต่ำกว่าญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์
แต่ไม่มีการรับมือที่เป็นระบบเท่าประเทศเหล่านั้นเลย
ลองนึกภาพอนาคตของชาติที่ขับเคลื่อนด้วย
เด็กที่เกิดจากแม่วัยรุ่น—ซึ่งไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน ไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษา
โตมาในโรงเรียนที่ไม่มีครูพอ—ไม่มีอาหารกลางวันพอ
เติบโตท่ามกลางความเหลื่อมล้ำ และต้องสู้ชีวิตตั้งแต่ยังจำความไม่ได้
ประชากรแบบนี้จะทำให้ประเทศหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางได้จริงหรือ?
จะต่อกรกับเศรษฐกิจโลกที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม AI และเทคโนโลยีได้อย่างไร?
⸻
อย่ารอจนคุณภาพประชากรไทย…ตกต่ำเกินฟื้นตัว
• ปี 2567 สำนักงานสถิติแห่งชาติและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รายงานว่ามีเด็กเกิดใหม่เพียง 485,085 คนต่ำสุดในรอบ 71 ปี และต่ำกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในปีเดียวกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
- ข้อมูลจาก UNFPA ระบุว่า ไทยมีอัตราเจริญพันธุ์ (TFR) เพียง 1.08 ต่ำกว่าค่าทดแทนประชากรที่ 2.1 มานานหลายปี และยังไม่มีนโยบายระดับชาติที่ตอบสนองต่อวิกฤตนี้อย่างแท้จริง • อัตราเกิดต่ำจนแตะระดับ “วิกฤตประชากร”
• แต่รัฐไทยยังไม่มีนโยบายเชิงโครงสร้างเพื่อส่งเสริม “คนพร้อมมีลูก”
• และยังเพิกเฉยต่อชะตากรรมของ “คนไม่พร้อมแต่ต้องมีลูก”
เรากำลังเดินหน้าเข้าสู่สังคมสูงวัย
โดยไม่มีรุ่นใหม่ที่เข้มแข็งมารองรับ
ถ้ายังปล่อยให้ระบบผลิตประชากรด้วย “กลไกอัตโนมัติของความจน”
ประเทศนี้จะเต็มไปด้วย “คน” ที่ไม่มีพลังพอจะพาประเทศไปข้างหน้า
⸻
ข่าว “เด็กเกิด-หมดลมหายใจใต้ต้นไม้” จึงไม่ควรเป็นแค่ข่าวเศร้า
แต่มันคือกระจกสะท้อนอนาคตประเทศ
เราอาจกำลังเห็นอนาคตของประเทศไทย…ในร่างเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รอดชีวิตวันนั้น
ถ้ายังไม่ลงมือสร้างระบบที่อุ้มชีวิตคนเล็ก ๆ ตั้งแต่แรกเกิด
ไม่ทำให้คนมีหวังกับประเทศจนกล้าพอที่จะ “มีลูก”
ประเทศนี้จะหมดแรง…ทั้งจากจำนวนประชากร
และจากคุณภาพของคนที่ควรจะเติบโตมาเป็นพลังของชาติ