เมื่อดีลก๊าซจากสหรัฐ อาจผูกอนาคตพลังงานไทยไว้กับฟอสซิลอีกหลายสิบปี
การเดินทางไปสหรัฐฯ ของ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะใหญ่จากกระทรวงพาณิชย์และการต่างประเทศ มีเป้าหมายเพื่อต่อรองมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ หลังไทยถูกจัดอยู่ในประเทศที่ “เกินดุลการค้า” อย่างหนัก
แต่สิ่งที่กลายเป็นไฮไลต์ของการเจรจา คือข้อเสนอฝั่งไทยที่ยื่นให้สหรัฐ นั่นคือการนำเข้าพลังงานเพิ่ม — โดยเฉพาะ ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และ ก๊าซอีเทน ซึ่งไทยประกาศจะซื้อจากสหรัฐเพิ่มอีก 1 ล้านตันต่อปี และจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับการนำเข้านี้เพิ่มเติม
หลายคนอาจมองว่านี่คือแผนรับมือผ่อนคลายมาตรการภาษีของสหรัฐในสงครามการค้า แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในดีลนี้ คือคำถามใหญ่ต่ออนาคตด้านพลังงานของไทย—เรากำลัง “แลก” ความหวังของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด…กับ “การนำเข้าฟอสซิลระยะยาว” หรือไม่?
⸻
ดีลการค้าหรือกับดักพลังงานระยะยาว?
ข้อเสนอที่เห็นดูเผิน ๆ เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนที่ “สมเหตุสมผล” เพื่อรักษาสมดุลการค้า แต่เมื่อพิจารณาให้ลึกลงไป การเซ็นสัญญาระยะยาวกับพลังงานฟอสซิลคือการ “ผูกอนาคต” ประเทศไว้กับโครงสร้างเดิมที่โลกกำลังพยายามดิ้นให้หลุด
แต่เรา…กลับกระโดดลงไปสู่ “กับดัก” นั้น
หรือเป็นเพราะว่า…ไม่ใช่แค่สงครามการค้าเท่านั้น ที่เราต้องเปิดหน้าไพ่เพิ่ม
แต่เป็นเพราะ…เข้าทางแผนลงทุน ปตท. (2567-2571) มูลค่า 89,203 ล้านบาท มีการจัดสรรงบฯ สำหรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติไว้แล้ว 30,636 ล้านบาท หรือประมาณ 34% ของงบลงทุนรวม
ซึ่งที่ผ่านมาก็ถูกตั้งคำถามอยู่แล้วว่า การลงทุนเพิ่มนี้ สวนทางกับเทรนด์ธุรกิจของโลกหรือไม่?
———-
ทำไมดีลนี้จึงเป็น “สงครามพลังงาน” ที่แฝงมาในรูป “สงครามการค้า?”
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนโยบายนี้จะส่งผลให้เกิดการชะลอการเปลี่ยนผ่านพลังงานหมุนเวียนโดยพฤตินัยทันที
การเซ็นสัญญาระยะยาวนำเข้า LNG และก๊าซอีเทนจากสหรัฐฯ เท่ากับ “ล็อก” ประเทศไทยไว้กับพลังงานฟอสซิลต่อไปอีกหลายปี การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ LNG มักใช้เวลากว่า 10 ปี จึงจะคืนทุน ทำให้รัฐและเอกชนอาจไม่กล้าลงทุนใหญ่ในพลังงานหมุนเวียน
ไทยเสียโอกาสเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ยังติดกับดักพึ่งพาการค้าก๊าซข้ามทวีป ซึ่งยังมีปัญหาการ “ผูกขาด” รวมอยู่ด้วย สุดท้ายบ้านเมืองหนีไม่พ้นวังวนเดิม ๆ
ทั้ง ๆ ที่เรามีศักยภาพด้านโซลาร์เซลล์สูงมาก แต่กลับเลือกลงทุนในก๊าซนำเข้าซึ่งผูกกับตลาดโลกและค่าเงินดอลลาร์ สวนทางกับแนวโน้มโลกที่พยายามลด import dependency โดยพึ่งพาแหล่งพลังงานภายในประเทศ
นอกจากนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณผิดต่อนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม และเป้าหมายลดคาร์บอน ซึ่งไทยตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจกลง 40% ภายในปี 2030 แต่แผนนี้กลับเดินคนละทาง เพราะแม้ก๊าซธรรมชาติจะสะอาดกว่าถ่านหิน แต่ก็ยังเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล
⸻
แดดที่ไทยมี กับก๊าซที่ต้องข้ามโลก
ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่ขาดพลังงานสะอาด — เรามี
• แดด แทบทั้งปี โดยเฉพาะภาคกลาง-ใต้
• ลม ที่สามารถลงทุนได้อีกมาก โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่ง
• ชีวมวล ที่เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ทั่วประเทศ
แต่กลับเลือกใช้เงินขยายท่อรอรับก๊าซ
แทนที่จะขยายแผงโซลาร์ให้ถึงหลังคาคนจน
⸻
เปลี่ยนสงครามการค้าเป็นโอกาสพลังงานใหม่ได้ไหม?
ดีลการค้ากับสหรัฐควรตั้งคำถามว่า —
เราจะทำให้ไทยดูน่าเชื่อถือขึ้นในเวทีการค้าระหว่างประเทศ
ด้วยการซื้อก๊าซที่เราเคยตั้งเป้าว่าจะเลิกใช้หรือ?
หรือเราควรใช้โอกาสนี้ ยื่นแผนเปลี่ยนผ่านพลังงาน
แล้วขอความร่วมมือในการลงทุนเทคโนโลยีสะอาด นำเข้าแผงโซลาร์ราคาถูก
หรือแม้แต่ต่อยอดข้อตกลงคาร์บอนเครดิตกับประเทศพัฒนาแล้ว?
⸻
ถ้าเราคิดว่า “ต้องซื้อก๊าซ” เพื่อแก้เกมการค้า
ทำไมไม่เริ่มคิดว่า “ต้องเปลี่ยนพลังงาน” เพื่อเปลี่ยนอนาคต
เราอาจไม่ต้องตกหลุมของสงครามใดเลย — ไม่ว่าจะการค้า หรือพลังงาน
แต่ถ้าเราตกกับดัก “ก๊าซฟอสซิล” ค่าไฟแพงจะอยู่กับเราไปอีกนาน
พลังงานเพื่อทุกคน #NetmeteringNow #พลังผู้บริโภค #พลังงานหมุนเวียน
⸻