23 เมษายน 2568 – ที่อาคารมหิตลาธิเบศร เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และเครือข่ายกองทัพธรรม นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อแพทยสภา เรียกร้องให้เร่งสรุปข้อเท็จจริงกรณีการรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 โดยขอให้พิจารณาว่าการรักษาเป็นไปตามหลักวิชาชีพแพทย์หรือมีการเอื้อประโยชน์กันแน่
นายพิชิตระบุว่า การวินิจฉัยว่าอาการป่วยของนายทักษิณอยู่ในภาวะวิกฤติหรือไม่นั้น สามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ และไม่ควรปล่อยให้การสืบสวนยืดเยื้อออกไปอย่างไม่จำเป็น โดยเฉพาะหลังแพทยสภาเลื่อนพิจารณาจากเดิมวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลว่าได้รับเอกสารเพิ่มเติมจาก รพ.ตำรวจ และ รพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งเขามองว่าอาจเป็นการยื้อเวลาหรือไม่
“ข้อเท็จจริงทางการแพทย์เป็นเรื่องที่สามารถพิสูจน์ได้รวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป่วย 4 โรคของนายทักษิณ การถ่วงเวลา 180 วันกว่าจะส่งรายงาน เป็นการตีความกฎหมายที่คนละมุม แพทยสภามีอำนาจเร่งเรื่องนี้ได้” นายพิชิตกล่าว พร้อมเรียกร้องให้อนุกรรมการที่มี ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี เป็นประธาน เชิญนายทักษิณมาให้ข้อมูลเอง เพราะถือว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง หากไม่ดำเนินการดังกล่าว อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้ถูกฟ้องศาลปกครองในข้อหาสอบสวนไม่รอบด้าน
เขาย้ำว่า สิ่งที่สังคมอยากรู้คือ นายทักษิณป่วยวิกฤติจริงหรือไม่ ตรวจที่ รพ.ราชทัณฑ์จริงหรือเปล่า และการรักษาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มีความสอดคล้องกับสถานะ “ผู้ป่วยวิกฤติ” อย่างแท้จริงหรือไม่ เช่น การออกไปรับบริการ MRI หรือการเจาะไหล่ ซึ่งในมุมมองของแพทย์บางคนมองว่าไม่ใช่อาการขั้นวิกฤติ
“เรายินดีรับฟังผลสรุป หากมีคำอธิบายที่ชัดเจนและเป็นวิทยาศาสตร์ แต่ขออย่าตัดตอนให้เหลือแค่ ‘ทำตามขั้นตอน’ เพราะถ้าแพทย์มีการเลือกปฏิบัติ มันจะทำให้เกิดข้อสงสัยต่อวิชาชีพทั้งระบบ” นายพิชิตกล่าวทิ้งท้าย
การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางกระแสสังคมที่ติดตามกรณีการเข้ารักษาของนายทักษิณอย่างใกล้ชิด พร้อมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรมและจริยธรรมวิชาชีพแพทย์ โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับบุคคลระดับสูงของประเทศ